tag:blogger.com,1999:blog-80392156099614394202024-02-08T10:10:06.624-08:00วิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.comBlogger14125tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-74266737967654434352012-09-11T21:01:00.001-07:002012-09-11T21:03:25.406-07:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 13 จริยธรรมและความปลอดภัย <br />
<div class="post-body entry-content" id="post-body-8115109327271689426" itemprop="description articleBody" style="line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<div style="text-align: justify;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สรุป</span></span></div>
<div style="text-align: justify;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> จริยธรรมเป็นแบบแผนความประพฤติหรือความมีสามัญสำนึกต่อสังคมในทางที่ดี เมื่อกล่าวถึงจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับสังคมยุคสารสนเทศ จะเกี่ยวข้องกับกรอบแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน 4 ประการคือ ความเป็นส่วนตัว ความถูกต้องแม่นยำ ความเป็นเจ้าของ และการเข้าถึงข้อมูล</span></span></div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span>
<div style="text-align: justify;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> อาชญากรรมคอมพิวเตอร์เป็นอีกกรณีหนึ่งที่พบเห็นได้ โดยนอกจะเป็นการกระทำที่ "ขาดจริยธรรม"แล้ว ยังถือว่าผิดกฎหมายด้วย การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์มีหลายรูปแบบ เช่น การลักลอบเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การขโมยและทำลายอุปกรณ์ การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การก่อกวนด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย เป็นต้น วิธีการป้องกันและรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์อาจทำได้หลายแบบ เช่น การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส การใช้ระบบไฟร์วอลล์ การเข้ารหัสข้อมูล และการสำรองข้อมูลเป็นต้น</span></span></div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="background-color: white;"></span></span><br />
<div style="text-align: justify;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 13 จริยธรรมและความปลอดภัย </span></span></div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1.จริยธรรมที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัว (information privacy) เกี่ยวข้องกับข้อมูลอะไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ. เกี่ยวข้องกับสิทธิและข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เช่น พฤติกรรมการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตของนัก ท่องเว็บคนหนึ่ง อาจถูกติดตามหรือเฝ้าดูกิจกรรมที่ทำอยู่เพื่อเอาข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์อื่น หรือมีการเอาฐานข้อมูลส่วนตัวรวมถึงอีเมล์ของสมาชิกผู้ใช้งานบนเครือข่ายส่งไปให้กับบริษัท ผู้รับทำโฆษณาออนไลน์ เพื่อวิเคราะห์หาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายว่าผู้ใช้รายใดเหมาะกับกลุ่มสินค้าที่จะโฆษณาประเภทไหนมากที่สุด จากนั้นจะจัดส่งโฆษณาไปให้ผ่านอีเมล์เพื่อนำเสนอขายสินค้าต่อไป</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />2.จริยธรรมกับกฎระเบียบเกี่ยวข้องกันอย่างไร จงอธิบาย พร้อมยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ. จริยธรรมไม่ใช่ข้อบังคับหรือกฎที่จะมีบทลงโทษตายตัว เป็นเหมือนสามัญสำนึกหรือความประพฤติปฏิบัติต่อสังคมในทางที่ดี และขึ้นอยู่กับกลุ่มสังคมหรือการยอมรับในสังคมนั้นๆเป็นหลักกล่าวคือจะเกี่ยวข้องกับการคิดและตัดสินใจได้เองว่าสิ่งไหน ควร-ไม่ควร ดี-ไม่ดี ถูก-ผิด เป็นต้น ส่วนกฎระเบียบถือเป็นข้อห้าม โดยมีกรอบหรือรูปแบบที่ชี้ชัดลงไปอย่างชัดเจนหากทำผิดแล้วอาจต้องมีบทลงโทษตามไปด้วยจริยธรรมอาจเป็นบรรทัดฐานเพื่อสร้างกฎระเบียบที่ควรประพฤติปฏิบัติในสังคมร่วมกันได้โดยมีบทลงโทษหรือวางแนวทางไว้อย่างชัดเจน </span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />3.จงยกตัวอย่างของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 1 ตัวอย่างพร้อมทั้งหาวิธีป้องกันและแก้ไข โดยอธิบายประกอบ<br />ตอบ. ตัวอย่างเช่น การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้าย เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์หนอนอินเทอร์เน็ต หรือการใช้สปายแวร์บางประเภทเพื่อติดตามข้อมูลของผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือเกิดความรำคาญในการใช้งานได้วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ควรติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสไว้ในเครื่องที่ใช้งานด้วยเพื่อคอยเฝ้าระวังไวรัสพวกนั้นเข้ามาทำร้ายเครื่องของเรา</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />4.การหลอกลวงเหยื่อแบบ Phishing มีลักษณะอย่างไร จงอธิบาย<br />ตอบ. เป็นการหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานที่สำคัญๆ เช่น รายละเอียดหมายเลขบัตรเครดิตชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านในการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต โดยส่งอีเมล์หลอกไปยังสมาชิกหรือผู้ใช้บริการตัวจริงเพื่อขอข้อมูลบางอย่างที่จำเป็น โดยใช้คำกล่าวอ้างที่เขียนขึ้นมาเอง พร้อมทั้งแจ้งURL ที่ต้องกรอกข้อมูลโดยมีปลายทางคือหน้าเว็บเพจที่ทำเลียนแบบกับระบบจริงให้เหยื่อตายใจเพื่อกรอกข้อมูลและหลงเชื่อในที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วคือ URL ของผู้ไม่ประสงค์ดีที่นั่นเอง เมื่อผู้ใช้ขาดความรอบคอบและเผลอคลิกป้อนข้อมูลส่วนตัวเข้าไป เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลดังกล่าวก็จะถูกเก็บไว้และเอาไปใช้ในทางที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกผู้นั้นได้</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />5.BSA จัดตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด และเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้านใดมากที่สุด จงอธิบาย<br />ตอบ. เพื่อเป็นการควบคุมและดูแลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์รวมถึงการทำความเข้าใจกับผู้บริโภคให้ตะหนักถึงการใช้งานของโปรแกรมที่ถูกต้องและไม่ผิดกฎหมาย เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ด้านการขโมยโปรแกรมหรือsoftware theft ซึ่งบริษัทใหญ่ผู้ผลิตขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากจึงมีการรวมตัวขึ้นเพื่อตั้งเป็นหน่วยงานกำกับและดูแลโดยเฉพาะเรียกว่า BSAหรือbusiness software alliance</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />6.ข้อปฏิบัติที่ควรต้องทำในการป้องกันไวรัส มีอะไรบ้าง จงยกตัวอย่างมาอย่างน้อย 5 ประการ<br />ตอบ. สิ่งที่ควรทำในการป้องกันไวรัส ยกตัวอย่างได้ดังนี้<br />- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไว้ในเครื่อง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและเฝ้าระวังไวรัสที่จะเกิดขึ้นใหม่ สามารถติดตั้งโปรแกรมเหล่านี้ไว้ได้ ซึ่งช่วยลดปัญหาต่างๆลงไปได้มากและบางตัวสามารถที่จะกำจัดหรือซ่อมแซมไฟล์ที่เสียหายได้ด้วย<br />- ไม่รับหรือเปิดอ่านไฟล์ที่แนบมากับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากรายชื่อคนติดต่อแปลกหน้าบางทีอาจมีไวรัสที่แพร่กระจายมาทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ไม่ควรจะกดหรือเปิดอ่านไฟล์ที่แนบมากับจดหมาย เนื่องจากอาจเป็นโปรแกรมประสงค์ดีที่จะมาก่อกวนระบบของเราเอง หากไม่คุ้นควรลบทิ้งเสีย<br />- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสใหม่ๆอยู่เสมอในการติดตามและเฝ้าระวังเกี่ยวกับไวรัส ผู้ใช้งานควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพื่อให้ทราบถึงการป้องกันและความรุนแรงของมันได้<br />- ควรดาวน์โหลดข้อมูลหรือไฟล์จากเว็บไซท์ที่น่าเชื่อถือเนื่องจากอาจมีโปรแกรมหรือไฟล์ที่แฝงตัวในรูปของโปรแกรมประสงค์ร้ายพ่วงมาให้ใช้ด้วยนั่นเอง<br />- ไม่ควรแชร์หรือแบ่งปันไฟล์ในเครื่องให้กับผู้อื่นเกินความจำเป็นเนื่องจากอาจะเป็นช่องโหว่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเอาโปรแกรมบางอย่างมาก่อกวนได้หากต้องการแบ่งปันหรือแชร์ไฟล์ ควรมีการกำหนดสิทธิการเข้าถึงอย่างชัดเจน </span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />7.การสำรองข้อมูลคืออะไร สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่าง<br />ตอบ. การทำซ้ำข้อมูล ที่มีอยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูล ประโยชน์คือ เราสามารถเอาข้อมูลต่างๆเหล่านั้นกลับมาใช้ได้อีกเมื่อข้อมูลต้นฉบับเกิดเสียหาย เช่น ฮาร์ดดิสก์เสียหรือถูกไวรัสคอมพิวเตอร์หากไม่มีการสำรองข้อมูลก็จะเกิดผลเสียตามมาได้วิธีการสำรองข้อมูลอาจทำทั้งระบบหรือเพียงแค่บางส่วน โดยเลือกใช้โปรแกรมยูทิลิตี้บางประเภทเพื่อสำรองข้อมูลเก็บลงสื่อบางประเภท เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือซีดีรอมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด</span></span></div>
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />8.การป้องกันการทำซ้ำหรือละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ควรทำอย่างไรบ้าง จงอธิบาย<br />ตอบ. วิธีป้องกันการทำซ้ำ อาจบันทึกข้อมูลซีดีซอฟท์แวร์แบบพิเศษ ซึ่งอาจใช้การเข้ารหัสข้อมูลบางอย่างเพื่อไม่ให้สามารถทำซ้ำได้โดยง่าย มีการใช้ serial number ซึ่งเป็นอักขระที่ต้องป้อนก่อนการใช้งาน รวมถึงกำหนดสิทธิต่าง ๆ เช่น กำหนดว่าจะนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้กี่เครื่องหากเกินกว่านั้นจะไม่สามารถใช้ได้ เป็นต้น</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />9.แฮกเกอร์และแครกเกอร์ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ. แฮกเกอร์จะแอบลักลอบเข้าไปดูข้อมูลของผู้อื่น เพียงเพื่อทดสอบความรู้ของตนเองเท่านั้นโดยเจตนาแล้วไม่ได้มุ่งร้ายต่อข้อมูลแต่อย่างใด ส่วนแครกเกอร์จะมีเจตนาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงซึ่งจะสร้างความเสียหายที่รุนแรงกว่า แฮกเกอร์บางคนอาจเข้าไปหาจุดบกพร่องต่างๆของระบบเครือข่ายแล้วทำการแจ้งให้กับผู้ดูแลระบบด้วยว่า ระบบเครือข่ายนั้นบกพร่องและควรแก้ไขข้อมูลส่วนใดบ้าง แต่แครกเกอร์อาจนำเอาข้อมูลที่พบนั้นไปแก้ไข เพื่อจงใจให้เกิดความเสียหายโดยตรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความร้ายแรงมากในยุคปัจจุบัน</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />10.ท่านคิดว่ากรณีที่มีการนำภาพลับเฉพาะของดาราและนำไปเผยแพร่บนเว็บไซท์นั้น ผู้กระทำขาดจริยธรรมในด้านใด จงอธิบายพร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบ<br />ตอบ. ถือเป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรมด้านความเป็นส่วนตัวได้ เนื่องจากผู้ที่โดนกระทำคือดารา ถูกละเมิดสิทธิโดยตรงซึ่งผู้เสียหายอาจไม่ต้องการให้นำภาพดังกล่าวออกเผยแพร่สู่สาธารณะชนได้ แต่กลับมีบุคคลบางกลุ่มนำออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการนำเสนอข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตที่แพร่กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลเสียแก่ดาราดังกล่าวได้ซึ่งอาจนำมาสู่การฟ้องร้องและเป็นคดีความตามมาได้นั่นเอง</span></span></div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span></div>
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span></span></div>
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา sme 2/1</span></span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียนวัน พุธ-เช้า</span></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-5669788691031337032012-09-11T20:58:00.001-07:002012-09-11T21:03:32.279-07:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 12 พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 1.5;">สรุป</span><br />
<div class="post-body entry-content" id="post-body-6332697512603816035" itemprop="description articleBody" style="position: relative; width: 628px;">
<div style="line-height: 1.5;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบการทำธุรกรรมซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน สินค้าหรือบริการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยผ่านช่องทางการจำหน่ายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแต่เดิมจะใช้ระบบ EDI หรือระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้คู่ค้าทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนเอกสารทางการค้าได้โดยตรง แต่ก็มีความนิยมค่อนข้างน้อยเพราะมีค่าใช้จ่ายในการวางระบบและดำเนินงานสูง ซึ่งมีใช้เฉพาะในวงการอุตสาหกรรมบางกลุ่มหรือการค้าเฉพาะทางเท่านั้น จนกระทั่งอินเทอร์เน็ตมีการใช้งานแพร่หลาย การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จึงกลายมาเป็นการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตแทน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ากันมาก<br /> รูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ที่พบเห็นมากที่สุด สามารถแยกออกได้ 3 รูปแบบคือ ธุรกิจกับธุรกิจ (B2B),ผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C), และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) สำหรับขั้นตอนการค้านั้นประกอบด้วย การออกแบบและจัดทำเว็บไซต์ การโฆษณาเผยแพร่ข้อมูล การทำรายการซื้อขาย การส่งมอบสินค้า และการให้บริการหลังการขาย</span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; line-height: 1.5;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 12 </span></span><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 24px;"> พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์</span></span></div>
<div style="line-height: 1.5;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />1.ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้ในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีช่องทางใดบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบมาอย่างน้อย 3 ช่องทาง<br />ตอบ. ช่องทางที่พบได้ในการนำมาใช้ทางการค้าแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พอยกตัวอย่างได้ดังนี้<br />- ระบบโทรศัพท์บ้าน ตัวอย่างที่พบเห็นมากที่สุดคือ บริการหมายเลข1900 ขององค์การโทรศัพท์ที่ผู้ให้บริการจะแจ้งเบอร์หรือหมายเลขให้กับลูกค้าที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมผ่านโทรศัพท์ได้โดยตรง<br />- ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันโดยผู้ใช้สามารถเลือกทำรายการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการผ่านมือถือได้ด้วยตนเอง เช่น จองตั๋วภาพยนตร์หรือดาวน์โหลดริงโทนหรือโลโก้มือถือต่างๆ<br />- ระบบอินเทอร์เน็ต เป็นช่องทางการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่พบเห็นได้มากโดยเจ้าของร้านหรือบริษัท ผู้ผลิตจะทำเว็บไซท์เพื่อจำหน่ายสินค้าและให้ลูกค้าเลือกซื้อบนหน้าเว็บนั้นๆได้เลยทันทีลูกค้าสามารถทำรายการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น</span></span></div>
<div style="line-height: 1.5;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />2.จงบอกลักษณะโดยทั่วไปของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ B2C พร้อมยกตัวอย่างประกอบอย่างน้อย 3 เว็บไซท์<br />ตอบ. ร้านค้าหรือบริษัทจะเปิดเว็บไซท์ที่มีรูปแบบร้านค้าเสมือนจริง (virtual store-front) เพื่อให้ลูกค้า เข้ามาเลือกซื้อได้ด้วยตนเองเสมือนว่าได้เดินเข้ามายังร้านค้านั้นจริงๆ เมื่อพอใจหรือเลือกสินค้า เสร็จก็สามารถชำระเงินได้ทันที โดยมากมักเป็นสินค้าประเภทการจองที่พักโรงแรม การจองตั๋ว เครื่องบินโดยสารการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆเป็นต้น ตัวอย่างของเว็บไซท์เหล่านี้ เช่น<br />- www.kwangham.com<br />- www.hammax.com,www.toesu.com<br />- www.pamanthai.com </span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />3.การประมูลสินค้าออนไลน์ จัดอยู่ในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบใด จงให้เหตุผลประกอบ<br />ตอบ. แบบผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือ C2C เนื่องจากเป็นการซื้อขายสินค้าที่ผู้บริโภคด้วยกันเอง นำเอาสินค้าที่ต้องการประมูลมาเสนอหรือติดต่อเพื่อทำการค้าเองโดยตรง โดยปิดประกาศประมูลสินค้ากับเว็บไซท์ผู้ให้บริการเมื่อตกลงในรายละเอียดสินค้าและวิธีการชำระเงินก็สามารถจัด ส่งของให้กับผู้ที่ชนะประมูลได้ทันที</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />4.วัตถุประสงค์ของ E-Government คืออะไร แตกต่างจากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบอื่นอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่างบริการที่นักศึกษารู้จักมาอย่างน้อย 2 ตัวอย่าง<br />ตอบ. รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ electronic government เป็นการบริการของภาครัฐที่นำเสนอการให้ บริการกับประชาชนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนใช้เป็นแหล่งข้อมูลกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเองไม่ได้มุ่งเน้นหรือแสวงหากำ ไรเหมือน กับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รูปแบบอื่นๆ ที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น<br />- ระบบประตูสู่การบริการภาครัฐหรือ TGW (thailand gateway)<br />- บริการเสียภาษีของกรมสรรพากรผ่านเว็บไซท์<br />- ระบบการตรวจสอบข้อมูลการเลือกตั้ง<br /><br />5.Shopping cart คืออะไร จงอธิบายลักษณะการทำงานพอสังเขป<br />ตอบ. โปรแกรมบนเว็บที่เขียนขึ้นเสมือนเป็นรถเข็นสินค้าจริงที่จัดไว้ให้ลูกค้าเลือกใช้งาน หากอยากได้สินค้าชิ้นใด ลูกค้าสามารถคลิกเลือกกดปุ่มเพื่อจับใส่เข้าไปในรถเข็นนั้นได้จนกว่าจะพอใจแล้วทำการยืนยันการชำระเงินเพื่อออกจากระบบได้ เหมือนกับที่ไปเลือกซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อเลือกและหยิบใส่รถเข็นจนพอใจแล้ว จึงค่อยมาชำระเงินตรงทางออก เป็นต้น</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />6.นักศึกษาคิดว่า เหตุใดจึงต้องมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยและจะใช้วิธีอะไรได้บ้าง<br />ตอบ. เนื่องจากในระหว่างการทำธุรกรรมโดยใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตบนอินเทอร์เน็ตนั้น อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีลักลอบเอาข้อมูลไปใช้ให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของบัตรได้ โดยเฉพาะกับข้อมู ที่สำคัญๆหากไม่มีการป้องกันที่ดีพอ อาจทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจที่จะทำรายการซื้อขายผ่านเว็บไซท์นั้นๆได้ ผู้ขายหรือเจ้าของเว็บไซท์เอง จึงควรมีวิธีการป้องกันที่ดีพอโดยเลือกการเข้ารหัสข้อมูล ที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ามีความปลอด ภัยในระดับหนึ่ง ซึ่งข้อมูลทุกอย่างที่ทำธุรกรรมจะมีการเข้ารหัสข้อมูลก่อนที่จะส่งข้อมูลไปบนอินเทอร์เน็ต ทำให้ยากต่อการแกะหรือถอดข้อมูลมากยิ่งขึ้น เป็นต้น<br /><br />7.จงอธิบายลักษณะสินค้าแบบ hard goods และแบบ soft goods มาพอเข้าใจ<br />ตอบ. แบบ hard goods จะเป็นสินค้าที่สามารถจับต้องได้ และต้องจัดส่งสินค้าโดยการใช้บริกาของผู้ให้บริการขนส่งไปรษณีย์หรือพัสดุ แต่สินค้าแบบ soft goods มักเป็นสินค้าที่ไม่สามารถจับต้องได้และโดยมากมักอยู่ในรูปแบบดิจิตอลเช่น เพลง ภาพยนตร์ ซอฟท์แวร์ โลโก้หรือริงโทนมือถือ เป็นต้น</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />8. ท่านคิดว่าบริการหลังการขาย มีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ. มีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ทำให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำและแนะนำบอกต่อไปอีก มักนำไปใช้กับสินค้าที่มีการใช้งานยุ่งยาก ซับซ้อนหรือไม่สามารถเข้าใจได้ทันที โดยมีผู้ชำนาญการหรือเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ บางบริษัทอาจมีศูนย์ช่วยเหลือลูกค้ามาช่วยในการดูแลลูกค้าหลังการขายสินค้าไปแล้ว</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />9.จงยกตัวอย่างวิธีการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต มาอย่างน้อย 2 ตัวอย่างพร้อมอธิบายประกอบ<br />ตอบ. ตัวอย่างการชำระเงินบนอินเทอร์เน็ต เช่น<br />- ชำระด้วยบัตรเครดิต เป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุดในขณะนี้ ผู้ใช้เพียงแค่ป้อนชื่อเจ้าของบัตร หมายเลขบัตรวันหมดอายุและรหัสบัตรส่วนที่อยู่ด้านหลัง ลงในแบบฟอร์มของทางร้านค้าหรือผู้ให้ บริการรับชำระเงินบนแบบฟอร์มที่เตรียมไว้ให้ แล้วทำการยืนยันการชำระเงินก็สามารถจ่ายชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ทันที<br />- ชำระด้วยเงินสดดิจิตอล เป็นวิธีการที่นำมาทดแทนการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยต้องจ่ายเงินจริงสำรองไปก่อน เพื่อแลกกับมูลค่าวงเงินที่จะใช้สำหรับซื้อสินค้า เมื่อต้องการจ่ายเงินก็สามารถจ่ายเงิน ตามวงเงินที่เหลือได้พอหมดก็ค่อยไปซื้อมูลค่าวงเงินนี้ใหม่</span></span><br />
<div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />10. สินค้าประเภทซอฟต์แวร์มีวิธีการส่งมอบได้อย่างไรบ้าง จงอธิบาย<br />ตอบ. นิยมให้ลูกค้าทำการดาวน์โหลดได้เลย ซึ่งอาจมีการจำกัดหรือวางเงื่อนไขในการดาวน์โหลดได้เช่น จำกัดจำนวนครั้ง จำนวนวันหรือจำกัดทั้งสองรูปแบบ โดยใส่รหัสผ่านที่ได้รับจากผู้ขาย ปกติจะพยายามทำให้ขนาดไฟล์ดิจิตอลเหล่านี้มีขนาดที่เล็กลง โดยใช้โปรแกรมบีบอัดไฟล์ บางประเภทหรือปรับขนาดให้เล็กลงเมื่อเป็นไฟล์เพลงหรือไฟล์เสียง เช่น อยู่ในรูปแบบของMP3เป็นต้น นอกจากนั้นอาจให้ลูกค้าเลือกได้ว่าจะดาวน์โหลดด้วยการเชื่อมต่อด้วยความเร็วแบบใด เป็นต้น</span></span><br />
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div style="line-height: 1.5; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span></div>
<div style="line-height: 1.5; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา sme 2/1</span></div>
<div style="line-height: 1.5; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียน วันพุธ-เช้า</span></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-24339123821871307152012-09-11T20:56:00.000-07:002012-09-11T21:03:38.757-07:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 11 เทคโนโลยีสารสนเทศ<span style="color: orange;">สรุป</span><br />
<div class="post-body entry-content" id="post-body-319528464631017288" itemprop="description articleBody" style="font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif; font-size: 14px; line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> เทคโนโลยี คือ การเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาเป็นองค์ความรู้ใหม่เพื่อประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอีกหนึ่งแขนงของวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อจัดการกับสารสนเทศที่ต้องการ<br /> ระบบสารสนทศ ที่นำเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดการข้อมูลในองค์กร ซึ่งมีผู้ใช้ 3 ระดับคือ ระดับสูงซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด ระดับกลางซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคลากรในระดับบริหารและการจัดการ เช่น หัวหน้าแผนก หรือหัวหน้าฝ่าย และกลุ่มสุดท้ายคือผู้ใช้ปฏิบัติการ ซึ่งได้แก่ กลุ่มปฏิบัติงาน<br /> เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศได้หลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สำหรับประเทศไทยเองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ โดยได้วางกรอยนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT2010 ขึ้น โยตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “การสร้างสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้”</span></span></span><br />
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="font-size: medium;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 11 </span></span><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: medium;">เทคโนโลยีสารสนเทศ</span></span></span></div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />1.จงยกตัวอย่างระบบสารสนเทศที่นักศึกษาพบเห็นในชีวิตประจำวันมาอย่างน้อย5 ระบบ<br />ตอบ. 1.1 ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา<br />1.2 ระบบสารสนเทศเทคโนโลยีการเกษตร<br />1.3 ระบบสารสนเทศทางการเเพทย์<br />1.4 ระบบสารสนเทศการเงินการธนาคาร<br />1.5 ระบบสารสนเทศการแสดงหุ้นของบริษัทต่างๆ</span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />2.สื่อผสมหรือมัลติมีเดีย คืออะไร เราสามารถนำเอาสื่อผสมไปใช้ประโยชน์ด้านใดได้บ้าง จงยกตัวอย่างพร้อมอธิบายประกอบ<br />ตอบ. สื่อที่ประกอบด้วยสารสนเทศที่อาจอยู่ในรูปแบบของตัวอัีกษร ภาพกราฟิก เสียง ภาพนิ่ง รวมถึงภาพเคลื่อนไหวต่างๆ โดยนำมาจัดไว้รวมกันเพื่อให้เกิดความน่าสนใจกับผู้ที่เรียกใช้สื่อ สามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก เช่น การสร้างวิดีทัศน์เพื่อเผยแพร่ทั่วไป เป็นต้น<br /><br />3.เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร เราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่างพร้อมอธิบาย<br />ตอบ. การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการ โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีด้านเครือข่ายโทรคมนาคมและการสื่อสารประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเราสามารถใช้ได้แทบจะทุกแขนง เช่น ด้านการศึกษาที่ลดปัญหาทางด้านเวลาและระยะทางในการเรียนได้ โดยจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามชุมชนที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือ ฯลฯ </span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />4.DAISY มีประโยชน์อย่างไรบ้าง จงอธิบายพอสังเขป<br />ตอบ. digital accessible information system หรือ DAISY เป็นระบบหนังสือที่มีการบันทึกข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบเสียงเพื่อให้ประโยชน์สำหรับคนตาบอดสามารถอ่านหนังสือได้ โดยสามารถค้นอ่านข้อมูลในหนังสือได้อย่างรวดเร็ว หรือเลือกแบบก้าวกระโดดไปยังส่วนต่างๆของหนังสือได้ เป็นต้น </span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />5.เครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกกิจของในหลวงและข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับประเทศไทยคือเครือข่ายใดหน่วยงานใดที่ดูแลรับผิดชอบเครือข่ายนี้<br />ตอบ. เครือข่ายกาญจนาภิเษกหรือ KPNet จะเกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย ที่ประกอบด้วยงานหลักสองส่วนคือ เครือข่ายพระราชกรณียกกิจและเครือข่ายกระจายความรู้ให้กับประชาชน โดยมีศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติหรือเนคเทคเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบเครือข่ายนี้ </span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />6 .จงยกตัวอย่างของการประมวลผลแบบ real time มาอย่างน้อย 1 ตัวอย่างพร้อมอธิบาย<br />ตอบ. การฝาก-ถอนเงินสดกับเครื่องให้บริการของธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้าทำธุรกรรมนั้นเสร็จสิ้นยอดเงินคงเหลือต่างๆในบัญชีที่มีอยู่จะทำการปรับปรุงเป็นยอดปัจจุบันทันที</span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />7. Knowledge-based Economy คือรูปแบบของสังคมแบบใด จงอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่าง<br />ตอบ. รูปแบบของสังคมที่มุ่งเน้นให้เกิดภูมิปัญญาหรือความรู้เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็งที่ยั่งยืน สามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล ขณะเดียวกันก็เพื่อให้ประชาชนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด</span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />8.สาระสำคัญที่อยู่ในกรอบ IT2010 ประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย<br />ตอบ. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐ (e- Government)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรม (e-Industry)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใน ภาคการพาณิชย์ (e-Commerce)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการศึกษา (e-Education)<br />การพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศในภาคสังคม (e-Society)</span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />9. ประโยชน์ของ Geographic Information System มีอะไรบ้าง<br />ตอบ. ช่วยให้การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลทางภูมิศาสตร์มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถจัดการกำหนดข้อมูลด้านตำแหน่งที่ตั้งบนผิวโลก ที่รวบรวมจากแหล่งต่างๆ ทั้งข้อมูลพื้นที่แผนที่ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายทางดาวเทียม เพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาผังเมืองประยุกต์ใช้งานทางด้านธรณีวิทยา หรือการพยากรณ์อากาศ เป็นต้น<br />ตอบ. การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาครัฐ (e- Government)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรม (e-Industry)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใน ภาคการพาณิชย์ (e-Commerce)<br />การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในภาคการศึกษา (e-Education)<br />การพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศในภาคสังคม (e-Society)</span><br /><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br />10. Telemedicine คืออะไร<br />ตอบ. การแพทย์ทางไกล ที่นำเอาความก้าวหน้าทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมมาประยุกต์ใช้กับงานด้านการแพทย์โดยตรง โดยใช้การส่งสัญญาณผ่านสื่อโทรคมนาคมอันทันสมัย โดยแพทย์ต้นทางและปลายทางสามารถติดต่อกันได้ด้วยภาพเคลื่อนไหวและเสียง รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนไข้ระหว่างหน่วยงานได้ เช่น ฟิล์มเอกซเรย์และสัญญาณเสียงจากเครื่องมือแพทย์ เช่น การเต้นของหัวใจเสมือนว่าคนไข้อยู่ในห้องเดียวกัน เป็นต้น</span></span></span></div>
<div class="post-body entry-content" id="post-body-319528464631017288" itemprop="description articleBody" style="font-size: 14px; line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;">โดย </span></span></span></div>
<div class="post-body entry-content" id="post-body-319528464631017288" itemprop="description articleBody" style="font-size: 14px; line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;">นางสาว สุภัชชา แสนไทย</span></span></span></div>
<div class="post-body entry-content" id="post-body-319528464631017288" itemprop="description articleBody" style="font-size: 14px; line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;">สาขา sme 2/1</span></span></span></div>
<div class="post-body entry-content" id="post-body-319528464631017288" itemprop="description articleBody" style="font-size: 14px; line-height: 1.5; position: relative; width: 628px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, Times New Roman, serif;">กลุ่มเรียน วันพุธ-เช้า</span></span></span><br />
<div style="font-family: Georgia, Utopia, 'Palatino Linotype', Palatino, serif;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; text-align: center;"><span style="color: orange;"> </span></span></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-57143565482532521352012-09-11T20:48:00.005-07:002012-09-11T21:03:45.800-07:00แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 9 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ <br />
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px; text-align: left;">
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 9 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ </span></span></span></div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif; line-height: 20px;"></span><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif; line-height: 20px;"><br />1. นักศึกษาคิดว่าเหตุใดจึงต้องนำเอาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงาน<br />ตอบ. เพื่อช่วยให้การทำงานมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำงานในองค์กรที่ประกอบด้วยหลายๆแผนก หรือมีหน่วยงานที่ต้องติดต่อร่วมกันอยู่ในพื้นที่ระยะไกล เช่น ข้ามจังหวัดหรือประเทศ การนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย จึงทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันทำได้ง่ายมากขึ้น ผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อถึงกันได้ทันที ลดข้อจำกัดเรื่องของเวลาและสถานที่ลงไปได้</span></span></span><br />
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />2. ระบบเครือข่ายมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ. ข้อดีคือ สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์หรือพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ นอกจากนั้นไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นก็สามารถเรียกใช้งานได้จากหลายๆเครื่องหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันก็ทำได้โดยง่าย ข้อเสียของระบบเครือข่ายอาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน เช่น เรียกใช้ข้อมูลได้ช้าเพราะข้อจำกัดทางสายของเครือข่ายที่ทำได้ช้ากว่าสายต่อภายในเครื่อง นอกจากนี้ยังอาจทำให้ยากต่อการควบคุมและดูแลได้เพราะมีผู้ใช้หลายคนร่วมกัน อีกทั้งข้อมูลอาจไม่สามารถใช้งานได้ทันที หากผู้ใดผู้หนึ่งเรียกใช้ข้อมูลอยู่เป็นต้น</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />3. สายเคเบิลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากที่สุดคือสายชนิดใด จงบอกถึงลักษณะโดยทั่วไปของสายดังกล่าว<br />ตอบ. สายแบบ UTP หรือแบบไม่มีฉนวนหุ้ม ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากมีราคาถูกและติดตั้งได้<br />ง่าย เป็นสายขนาดเล็กคล้ายสายโทรศัพท์ มี 8 เส้นตีเกลียวกันเป็นคู่ๆ เพื่อลดสัญญาณรบกวน การเดินสายต้องต่อจากเครื่องเข้าหาอุปกรณ์รวมสายหรือ hubเท่านั้น</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />4. จงอธิบายวิธีการทำงานแบบ CSMA/CD ที่ใช้ในระบบเครือข่าย มาพอเข้าใจ<br />ตอบ. วิธีการนี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะคอย “ฟัง” ว่าสายว่างหรือไม่ ถ้าพบว่าสายว่างก็จะเริ่มส่งสัญญาณออกมา ซึ่งถ้าสายว่างจริงข้อมูลก็จะส่งไปถึงผู้รับได้เลย แต่การเริ่มส่งสัญญาณนี้อาจเกิดขึ้นจากหลายๆสถานีพร้อมกันได้ เพราะต่างคนต่าง “ฟัง” และเข้าใจว่าสายว่างพร้อมๆกัน ผลก็คือสัญญาณที่จะได้จะชนกันในสาย ทำให้ข้อมูลใช้ไม่ได้ ดังนั้นแต่ละเครื่องจึงต้องสามารถตรวจจับการชนกันของสัญญาณได้ด้วย เมื่อเครื่องที่ส่งข้อมูลออกมาชนกัน ก็ให้หยุดส่งและรอ โดยนับถอยถอยหลังตามเวลาที่สุ่มขึ้นมาซึ่งจะแตกต่างกันระหว่างแต่ละเครื่อง แล้วค่อยส่งข้อมูลออกมาใหม่</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />5. จงสรุปความหมายของ Server และ Client มาพอเข้าใจ<br />ตอบ. Server คือเครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลสำหรับเครื่องอื่นๆที่อยู่ในเครือข่าย มักมีหน้าที่และชื่อเรียกที่แตกต่างกันแล้วแต่การลักษณะการให้บริการ เช่น mail server, file server, web server,<br />pint server หรือ database server เป็นต้นClient คือเครื่องลูกข่ายที่อยู่ในระบบ มีหน้าที่ร้องขอหรือเรียกใช้บริการจากเครื่องแม่ข่ายเพื่อทำงานหรือขอข้อมูลบางอย่างนั่นเอง</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />6. HUB คืออะไร เอามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรกับระบบเครือข่าย<br />ตอบ. ตัวรวมสายซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการต่อ LAN โดยสามารถโยกย้ายสาย สลับเครื่องหรือเพิ่มจำนวนเครื่องได้ เนื่องจากสายทั้งหมดจากทุกเครื่องจะลากมารวมอยู่ที่เดียวกันหมด โดยเราอาจทำเป็นตู้หรือห้องไว้เก็บสายให้เรียบร้อยด้วยก็ได้ อาจมีจำนวนพอร์ตเพื่อใช้สำหรับต่อสายต่างกันได้ในแต่ละตัว เช่น 5, 8, 10, 16 และ 24 พอร์ตหรือมากกว่านั้น เป็นต้น</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />7. จงยกตัวอย่างมาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสูงพร้อมทั้งอธิบายมาพอเข้าใจ<br />ตอบ. มาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสูง มีดังต่อไปนี้<br />-100Base-T เป็นระบบที่พัฒนาต่อจาก Ethernet โดยใช้สายที่ดีขึ้นกว่าเดิม คือสายUTP แบบ Category 5<br />หรือดีกว่า การต่อนั้นใช้ hub ที่ทำมาให้รองรับความเร็ว 100 Mbps ด้วยเท่านั้น<br />-Gigabit Ethernet หรือเรียกกันเป็น 1000Base-T (สาย UTP) หรือ 1000Base-F (สาย Fiber optic) สามารถส่งข้อ</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />มูลได้ในระดับความเร็ว 1,000 Mbps หรือ 1 Gbps เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเร็วสูงมาก เช่น งานกราฟฟิก หรือใช้เชื่อมต่อตรงช่วงที่เข้าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้สามารถรับงานจากเครื่องอื่นๆได้มากพร้อมกัน สายที่ใช้อาบพบเห็นได้ทั้งแบบ UTP (ความยาวไม่มากนัก) และแบบไฟเบอร์ออพติก<br />-Gigabit Ethernet เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบอื่นๆ คือทำได้ถึง 10,000 Mbps หรือ 10 Gbps นิยมใช้สำหรับเชื่อมต่อกับหน่วยงานขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันระหว่างเมือง หรือ WAN เป็นต้น</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />8. จงบอกลักษณะโดยทั่วไปของสายแบบโคแอกเชี่ยล<br />ตอบ. สายเส้นเดี่ยวแบบที่มีเปลือกเป็นสายโลหะถัก (shield) เพื่อป้องกันคลื่นรบกวน โดยมากใช้กับเครือข่ายแบบ Ethernet ดั้งเดิมซึ่งสามารถใช้ต่อเชื่อมระหว่างแต่ละเครื่องโดยตรงในลักษณะที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์รวมสายเข้ามาช่วย ปัจจุบันเริ่มใช้กันน้อยลงเพราะถูกทดแทนด้วยสายแบบอื่นที่มีราคาถูกและทำความเร็วได้ดีกว่า</span></span></div>
<div style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; line-height: 20px;">
<span style="background-color: white; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><span style="color: orange;"><br />9. จงบอกถึงหน้าที่หลักของอุปกรณ์ Router<br />ตอบ. Router จะทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือ node หนึ่งใน LAN ที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทางที่ต้องการ หน้าที่หลักของ router คือหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งต่อข้อมูลต่อไปยังเครือข่ายอื่นซึ่งอาจใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้ โดยมีการแปลงหรือจัดรูปข้อมูลตามแบบของเครือข่ายที่จะส่งต่อนั้นด้วย</span></span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-19523236701186347452012-09-11T20:43:00.001-07:002012-09-11T21:03:52.533-07:00แบบฝึกหัดที่ 10 เครือข่ายอินเตอร์เน็ต<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">แบบฝึกหัดที่ 10 เครือข่ายอินเตอร์เน็ต</span></span><br />
<div>
<br />
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>1. Internet Service Provider <span lang="TH">คืออะไร มีบทบาทเกี่ยวข้องอย่างไรกับอินเทอร์เน็ต</span></b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 12pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> <span lang="TH">ตอบ.</span></b><b> </b><span lang="TH">ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่เสมือนเป็นประตูเปิดการเชื่อมต่อให้กับบุคคลหรือองค์กรสามารถใช้งานอินเทอร์ มีชื่อย่อว่า</span> ISP <span lang="TH">โดยจะมีการเรียกเก็บค่าบริการทั้งแบบรายเดือนหรือแบบรายชั่วโมงสำหรับการเชื่อมต่อดังกล่าว ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องเชื่อมต่อเครืองข่ายของตนเองเข้ากับ</span>ISP <span lang="TH">ก่อนทุกครั้งเมื่อต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต</span><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>2. <span lang="TH">จงสรุปความหมายของอินเทอร์เน็ต มาพอเข้าใจ</span></b> <b><span lang="TH">ตอบ.</span></b><b> </b><span lang="TH">อินเทอร์เน็ต คือ เครือข่ายที่่มีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ั่ทั้งโลกเข้าไว้ด้วยกัน เปรียบเสมือนเครือข่ายของเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงทั่วถึงกันหมด นิยมใช้สำหรับการค้นหาและเผยแพร่ข้อมูลที่ต้องการ</span> <span lang="TH">ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย</span><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>3. <span lang="TH">เว็บเพจ และ เว็บไซท์ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</span></b> <b><span lang="TH">ตอบ.</span> </b><b> </b><span lang="TH">เว็บเพจ คือหน้าเอกสารที่นำเสนอบนเว็บ มักเขียนด้วยภาษาที่เขียนบนเว็บโดยเฉพาะที่เรียกว่า</span>HTML <span lang="TH">ซึ่งอาจจะเขียนขึ้นด้วยเครื่องมือช่วยเว็บบางตัวหรือถูกแปลงและให้แสดงผลด้วยภาษาคอมพิวเตอร์บนเว็บบางชนิด โปรแกรมที่ช่วยเขียนได้เช่น</span> <span lang="TH">ที่เดียวกัน</span> <o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>4.<span lang="TH">จงยกตัวอย่างของบริการบนอินเทอร์เน็ตที่นักศึกษาใช้มาอย่างน้อย</span> 2 <span lang="TH">บริการ</span></b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> <span lang="TH">ตอบ.</span></b> <span lang="TH">บริการ</span> Chat<o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> - <span lang="TH">เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยสามารถพูดคุยกันสดๆ ระหว่างคนรู้จักในหมู่เพื่อนฟูงหรือคนที่ไม่เคยรู้จักรกันมากก่อน โดยมีเพียงที่อยู่อีเมลก็สามารถติดต่อกันได้แล้วสามารถรับ-ส่งไฟล์ต่างๆได้อีกด้วย โปรแกรมที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็คือโปรแกรม</span> MSN<span lang="TH">บริการโหลดเพลงผ่านอินเทอร์เน็ต</span><br /> - <span lang="TH">สามารถหาเพลงที่เราอยากฟัง ฟังได้อย่างง่ายดาย แค่เพียงเข้าเว็บบร์อดหรือกระทู้ที่มีการแชร์ไฟล์เพลงไว้แล้ว ก็สามารถคลิ๊กดาวโหลดมาฟังได้ในทันที</span><br /><br /><b>5. <span lang="TH">หากต้องการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ควรทำอย่างไรบ้าง จงอธิบายพอเข้าใจ</span></b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> <span lang="TH">ตอบ.</span></b><b> </b><span lang="TH">ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตเสียก่อน ที่นิยมกันเป็นอย่างมากคือ</span> <span lang="TH">ผ่านอุปกรณ์</span> Modem <span lang="TH">ซึ่งมีอยู่หลายแบบ เช่น แบบธรรมดา แบบ</span>ADSL <span lang="TH">หรือแบบไร้สายโดยต้องไปขอสมัครเป็นสมัครเป็นสมาชิกหรือเลือกซื้อบริการจาก</span> ISP <span lang="TH">เสียก่อน ซึ่งอาจคิดราคาค่าบริการที่</span> <span lang="TH">แตกต่างกันออกไป จากนั้นทำการเชื่อมต่อเข้าไปยัง</span> ISP <span lang="TH">ปลายทางเพื่อขอให้เปิดการเชื่อมต่อจึง</span> <span lang="TH">จะสามารถใช้งานได้</span> <b> </b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b><br /></b><b>6.Modem <span lang="TH">คืออะไร</span></b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> <b><span lang="TH">ตอบ.</span></b><b> </b><span lang="TH">อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณจากดิจิตอลในเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางให้กลายเป็นสัญญาณ</span><span lang="TH">อนาล็อก(</span>Modulation) <span lang="TH">เพื่อวิ่งผ่านสื่อส่งข้อมูล เช่น สายโทรศัพท์ จากนั้นจะทำการแปลงสัญญาณกลับให้เป็นสัญญาณดิจิตอลแบบเดิม(</span>demodulation)<span lang="TH">เมื่อข้อมูลถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง</span><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span lang="TH" style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>7.<span lang="TH">เหตุใดจึงต้องนำเอาระบบ</span> DNS<span lang="TH">มาใช้เพื่ออ้างอิงถึงชื่อเครื่องของคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเครือ</span><br /><span lang="TH">ข่ายอินเทอร์เน็ต</span></b><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> <span lang="TH">ตอบ.</span></b> <span lang="TH">การอ้างอิงถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตอาจใช้หมายเลข</span> IP addres <span lang="TH">เพื่ออ้างอิงได้แต่การเรียกใช้อาจทำให้ยุ่งยากเนื่องจากการจดจำหมายเลขดังกล่าวอาจไม่คุ้นหรือยากกว่าชื่อที่</span> <span lang="TH">สามารถพิมพ์หรือระบุเป็นอักษรได้ตรงๆ</span><br /> Domain Name System <span lang="TH">จึงได้ถูกนำเอามาใช้สนับสนุนให้เกิดการทำงานดังกล่าว โดยจะเป็นการแปลงชื่อโดเมนที่ผู้ใช้ฟ้อนเข้ามา ให้เป็นหมายเลข</span> IP addres <span lang="TH">ของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเพื่อดึงข้อมูลมาแสดงผลนั้นเอง การแปลงข้อมูลจะกระทำโดยเครื่อง</span> DNS Server <span lang="TH">โดยตรง</span><o:p></o:p></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></div>
<div class="MsoNormal" style="line-height: 21px; margin-bottom: 0.0001pt;">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>8. <span lang="TH">โปรแกรมที่สามารถเปิดเรียกดูเอกสารบนเว็บได้ เราเรียกว่าโปรแกรมอะไร ให้นักศึกษา</span><br /><span lang="TH">ยกตัวอย่างมาอย่างน้อย</span> 4 <span lang="TH">โปรแกรม</span></b><o:p></o:p></span></div>
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b style="line-height: 21px;"><span style="line-height: 24px;"> <span lang="TH">ตอบ.</span></span><span style="line-height: 24px;"> </span></b><span lang="TH" style="line-height: 24px;">โปรแกรมเว็บราวเซอร์ ซึ่งสามารถเรียกดูเอกสารบนเว็บไซร์ได้ ทั้งที่อยู่ในรูปแบบของตัวอักษร ภาพ</span><span style="line-height: 24px;"> <span lang="TH">นิ่ง เสียง วิดีโอหรืออื่นๆ ผู้ใช้งานเพี่ยงแค่พิมพ์หรือป้อนข้อมูลโดยระบุชื่อเว็บไซร์หรือ</span> URL <span lang="TH">ที่ถูก</span> <span lang="TH">ต้อง โปรแกรมดังกล่าวก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่นั้นมาแสดงผลให้เห็นบนจอภาพได้ ตัวอย่าง</span><br /> <span lang="TH">โปรแกรมที่รู้จักกันดี เช่น</span> Internet Explorer , Nescape Communication , </span><span style="line-height: 24px;">Opera <span lang="TH">และ</span> Plawan<span lang="TH">เป็นต้น</span></span>
</span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 24px;"><span lang="TH"><br /></span></span></span></div>
<div class="style13">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดยนางสาว สุภัชชา แสนไทย<br />สาขา sme 2/1</span></div>
<div class="style13">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลู่มเรียน วัน พุธ-เช้า </span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-9327630939002647882012-09-11T20:37:00.003-07:002012-09-11T21:03:59.492-07:00แบบฝึกหัดบทที่ 8 การเขียนผังงาน<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 21px;">สรุปท้ายบทที่ 8</span></span></span><br />
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 21px;"><br /></span></span></span>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 21px;"> ผังงาน (Flowchart) เป็นเครื่องมือแสดงลำดับการทำงานด้วยภาพสัญลักษณ์ที่เป็นมาตรฐาน ทำให้มองเห็นขั้นตอนการทำงานได้ชัดเจน และนำไปเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น โดยลักษณะของผังงานมีหลายรูปแบบคือ แบบเรียงลำดับ (Sequence), แบบมีเงื่อนไข (Decision) และแบบทำซ้ำ (Loop) ซึ่งแตกจ่างกันไปตามลักษณะของการทำงานนั้นๆ<br /> ก่อนเริ่มลงมือเขียนโปรแกรมหรือปฏิบัติงานใดๆควรเขียนขั้นตอนและผังงานเพื่อจัดลำดับความคิดและลำดับการทำงานให้ถูกต้อง ทำให้เห็นภาพรวมของงาน และไปแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ผิดพลาดไปได้ง่าย โดยไม่ต้องเริ่มคิดใหม่ตั้งแต่ต้น<br /> เราสามารถเขียนผังงานโดยใช้โปรแกรมหรือเครื่องมือต่างๆช่วยในการออกแบบ ซึ่งมีผู้ผลิตโปรแกรมออกมาหลายค่าย ทำให้ลดขั้นตอนและเวลาการทำงานลงไปได้มากยิ่งขึ้น </span></span></span><br />
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></span></div>
<div style="text-align: center;">
<div style="text-align: left;">
<span style="line-height: 21px;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></span></div>
<span style="background-color: white; line-height: 21px;"></span><br />
<div style="text-align: left;">
<span style="background-color: white; line-height: 21px;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 8 การเขียนผังงาน </span></span></div>
<span style="background-color: white; line-height: 21px;">
</span></div>
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="line-height: 21px;">1. ผังงาน (flowchart) คืออะไร<br />ตอบ. ผังงาน (Flowchart) คือ รูปภาพ (Image) หรือสัญลักษณ์(Symbol) ที่ใช้เขียนแทนขั้นตอน คำอธิบาย ข้อความ หรือคำพูด ที่ใช้ในอัลกอริทึม (Algorithm) เพราะการนำเสนอขั้นตอนของงานให้เข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ด้วยคำพูด หรือข้อความทำได้ยากกว่า</span></span></span><br />
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />2. อธิบายรูปแบบผังงานแบบเรียงลำดับ (sequence) แบบมีเงื่อนไข (decision) และแบบทำซ้ำ (loop)<br />ตอบ. 1)การทำงานแบบตามลำดับ(Sequence) คือ การเขียนให้ทำงานจากบนลงล่าง เขียนคำสั่งเป็นบรรทัด และทำทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด สมมติให้มีการทำงาน 3 กระบวนการคือ อ่านข้อมูล คำนวณ และพิมพ์ จะเขียนเป็นผังงาน(Flowchart) ในแบบตามลำดับได้<br /> 2)การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) คือ การเขียนโปรแกรมเพื่อนำค่าไปเลือกกระทำ โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทำ 2 กระบวนการ คือเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทำกระบวนการหนึ่ง และเป็นเท็จจะกระทำอีกกระบวนการหนึ่ง แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เงื่อนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น ตัวอย่างผังงานนี้ จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย เพื่อกระทำกระบวนการเพียงกระบวนการเดียว</span></span></div>
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> 3) การทำซ้ำ (Loop) คือ การทำกระบวนการหนึ่งหลายครั้ง โดยมีเงื่อนไขในการควบคุม หมายถึงการทำซ้ำเป็นหลักการที่ทำความเข้าใจได้ยากกว่า 2 รูปแบบแรก เพราะการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา จะไม่แสดงภาพอย่างชัดเจนเหมือนการเขียนผังงาน(Flowchart) ผู้เขียนโปรแกรมต้องจินตนาการ ถึงรูปแบบการทำงาน และใช้คำสั่งควบคุมด้วยตนเอง ตัวอย่างผังงานที่นำมาแสดงนี้เป็นการแสดงคำสั่งทำซ้ำ(do while) ซึ่งหมายถึงการทำซ้ำในขณะที่เป็นจริง และเลิกการทำซ้ำเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ</span></span></div>
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />3. ขั้นตอนการทำงานซ้ำแบบ while…do และ do…until ต่างกันอย่างไร จงอธิบาย<br />ตอบ. while...do เป็นโครงสร้างที่มีการทดสอบเงื่อนไขก่อน ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงก็จะเข้ามาทำงานในกลุ่มคำสั่งที่ต้องทำซ้ำ ซึ่งเรียกว่าการเข้าลูป หลังจากนั้นก็จะย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขใหม่อีก ถ้าเงื่อนไขยังคงเป็นจริงอยู่ ก็ยังคงต้องทำกลุ่มคำสั่งซ้ำหรือเข้าลูปต่อไปอีก จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็จะออกจากลูปไปทำคำสั่งถัดไปที่อยู่ถัดจาก DO WHILE หรืออาจเป็นการจบการทำงาน<br />ส่วน do…until เป็นโครงสร้างการทำงานแบบทำงานซ้ำเช่นกัน แต่มีการทำงานที่แตกต่างจาก DO WHILE คือจะมีการเข้าทำงานกลุ่มคำสั่งที่อยู่ภายในลูปก่อนอย่างน้อย 1 ครั้ง แล้วจึงจะไปทดสอบเงื่อนไข ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะมีการเข้าทำกลุ่มคำสั่งที่ต้องทำซ้ำอีก หลังจากนั้นก็จะย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขใหม่อีก ถ้าเงื่อนไขยังคงเป็นเท็จอยู่ ก็ยังต้องทำกลุ่มคำสั่งซ้ำหรือเข้าลูปต่อไปอีก จนกระทั่งเงื่อนไขเป็นจริง จึงจะออกจากลูปไปทำคำสั่งถัดจาก UNTIL หรืออาจเป็นการจบการทำงาน</span></span></div>
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />4. จงบอกประโยชน์ของผังงาน<br />ตอบ. 1.) ทำให้มองเห็นรูปแบบของงานได้ทั้งหมด โดยใช้เวลาไม่มาก<br /> 2.) การเขียนผังงานเป็นสากลสามารถนำไปเขียนโปรแกรมได้ทุกภาษา<br /> 3.) สามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว<br /> 4.) หากมีการพัฒนาระบบงานในลำดับต่อไป สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยศึกษาจากผังงาน </span></span></div>
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> จะสามารถศึกษาได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจง่ายกว่าการศึกษาจากโปรแกรม</span></span></div>
<div style="line-height: 21px;">
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br />5. จงเขียนขั้นตอน (algorithm) และวาดผัง (flowchart) สำหรับการทำงานต่อไปนี้<br />5.1 การยืมหนังสือในห้องสมุดตอบ.<br />5.2 ระบบไฟจราจร<br />5.3 การขึ้น/ลงลิฟต์</span></span></div>
<div style="line-height: 21px; text-align: center;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></div>
<div style="line-height: 21px; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span></div>
<div style="line-height: 21px; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา sme 2/1</span></div>
<div style="line-height: 21px; text-align: left;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียนวัน พุธ-เช้า</span></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-63180405357373898292012-09-11T20:34:00.001-07:002012-09-11T21:04:07.800-07:00แบบฝึกหัดบทที่ 7 การวิเคราะห์และการพัฒนาระบบ<br />
<div class="style24">
<span class="style25"><span style="color: orange;">แบบฝึกหัดบทที่ 7 การวิเคราะห์และการพัฒนาระบบ</span></span></div>
<div class="style24">
<span class="style25"><span style="color: orange;"><br /></span></span></div>
<div class="style24">
<span style="color: orange;"><span class="style25">1.นักศึกษาคิดว่าเหตุใดจึงต้องนำเอาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงาน</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. เพื่อช่วยให้การทำงานมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น การนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาเชื่อมต่อกันเป็นเครือ</span><span class="style23"> ข่ายจึงทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันทำได้ง่ายมากขึ้น ผู้ใช้งานในระบบเครือข่ายสามารถ</span><span class="style23"> ติดต่อถึงกันได้ทันที ลดข้อจำกัดเรื่องของเวลาและสถานที่ลงไปได้ </span></span><br />
<span class="style23"><span style="color: orange;"><br /></span></span>
<br />
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">2.ระบบเครือข่ายมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. ข้อดีคือ สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกันได้เช่น เครื่องพิมพ์หรือพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ นอกจากนั้น</span><br /><span class="style23"> ไฟล์ข้อมูลที่จำเป็นก็สามารถเรียกใช้งานได้จากหลายๆ เครื่องหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันก็</span><br /><span class="style23"> ทำได้โดยง่าย ข้อเสียของระบบเครือข่ายอาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน เช่น เรียกใช้ข้อมูลไดช้าเพราะ </span><br /><span class="style23"> ข้อจำกัดของสายของเครือข่ายที่ทำได้ช้ากว่าสายต่อภายในเครื่อง และยากต่อการควบคุมดูแล</span><br /><span class="style23"> เพราะมีผู้ใช้งานหลายคนร่วมกัน ข้อมูลอาจไม่สามารถใช้งานได้ทันที หากผู้ใดผู้หนึ่งเรียกใช้ข้อมูล</span><span class="style23">อยู่เป็นต้น </span></span><span style="color: orange;"><br /></span>
<span style="color: orange;">3.สายเคเบิลที่ได้รับความนิยมอย่างแพรหลายมากที่สุดคือสายชนิดใด จงบอกถึงลักษณะโดยทั่ว</span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. สายแบบ UTP หรือแบบไม่มีฉนวนหุ้ม ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมีราคาถูก และติดตั้งได้ง่าย</span><br /><span class="style23"> เป็นสายขนาดเล็กคล้ายสายโทรศัพท์มี 8 เส้น ตีเกลียวกันเป็นคู่ๆ เพื่อลดสัญญานรบกวน การเดิน-</span><br /><span class="style23"> สายต้องจากเครื่องเข้าหาอุปกรณ์รวมสายหรือ HUB เท่านั้น</span></span><br />
<br />
<div class="style22">
<span style="color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">4.จงอธิบายวิธีการทำงานแบบ CSMA/CD ที่ใช้ในระบบเครือข่าย มาพอเข้าใจ</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. วิธีการนี้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะคอย "ฟัง" ว่าสายว่างหรือไม่ ถ้าพบว่าสายว่างก็จะเริ่มส่งสัญ-</span><br /><span class="style23"> ญาณออกมาซึ่งถ้าสายว่างจริงข้อมูลก็จะส่งไปถึงผู้รับได้เลย แต่การเริ่มส่งสัญญาณนี้อาจเกิดขึ้น</span><br /><span class="style23"> จากหลาย ๆ สถานีฟร้อมกันได้ เพราะต่างคนต่าง "ฟัง" และเข้าใจว่าสายว่างพร้อมกันผลก็คือสัญ-</span><br /><span class="style23"> ญาณที่จะได้จะชนกันในสาย ทำให้ข้อมูลใช้ไม่ได้ ดังนั้นเครื่องแต่ละเครื่องจึงต้องสามารถตรวจจับ</span><span class="style23"> การชนกันของข้อมูลได้ด้วย เมื่อเครื่องที่ส่งข้อมูลออกมาชนกัน ก็ให้หยุดส่งและรอโดยนับถอยหลัง</span><br /><span class="style23">ตามเวลาที่สุ่มขึ้นมาซึ่งจะแตกต่าวกันระหว่างแต่ละเครื่อง แล้วค่อยส่งข้อมูลออกมาใหม่</span></span><br />
<br />
<div class="style22">
<span style="color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">5.จงสรุปความหมายของ Server และ Client มาพอเข้าใจ</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. - Server</span><br /><span class="style23"> คือเครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลสำหรับเครื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายมักมีหน้าที่</span><br /><span class="style23"> และชื่อที่เรียกแตกต่างกันแล้วแตการให้บริการ เช่น Mail server,File server,Web server</span><br /><span class="style23"> Pint server,Database server เป็นต้น</span><br /><span class="style23"> - Client</span><br /><span class="style23"> คือเครื่องลูกข่ายที่อยู่ในระบบ มีหน้าที่ร้องขอหรือเรียกใช้บริการจากเครื่องแม่ข่ายเมื่อทำงาน</span><br /><span class="style23"> หรือขอข้อมูลบางอย่างนั้นเอง</span></span><br />
<br />
<div class="style22">
<span style="color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">6.HUB คืออะไร เอามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรกับระบบเครือข่าย</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. ตัวรวมสายซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการต่อ LAN โดยสามารถโยบย้ายสาย สลับเครื่องหรือ</span><br /><span class="style23"> เพิ่มจำนานเครื่องได้ เนื่องจากสายทั่งหมดจากทุกเครื่องจะลากมารวมอยู่ที่เดียวกันหมด โดยเรา</span><br /><span class="style23"> อาจทำเป็นตู้หรือห้องเพื่อไว้เก็บสายด้วยก็ได้ อาจมีจำนวนพอร์ตเพื่อใช้สำหรับต่อสายต่างกันได้</span><br /><span class="style23"> ในแต่ละตัวเช่น 5,8,10,16,24 พอร์ตหรือมากกว่านั้นเป็นต้น</span></span><br />
<span class="style23"><span style="color: orange;"><br /></span></span>
<br />
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">7.จงยกตัวอย่างมาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสูงพร้อมทั้งอธิบายมาพอเข้าใจ</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. มาตรฐานของ Ethernet ความเร็วสูง มีดังต่อไปนี้</span><br /><span class="style23"> - 1000Base-T</span><br /><span class="style23"> เป็นระบบที่พัฒนาต่อจาก Ethernet โดยใช้สายที่ดีขึ้นกว่าเดิมคือสาย UTP แบบ Category5</span><br /><span class="style23"> หรือดีกว่า การต่อนั้นใช้ HUB ที่ทำมาให้รองรับความเร็ว 100 Mbps ด้วยเท่านั้น</span><br /><span class="style23"> - Gigabit Ethernet </span><br /><span class="style23"> หรือเรียกกันเป็น 1000 Base-T (สาย UTP) หรือ 1000 Base-F (สาย Fiberoptic)สามารถ</span><br /><span class="style23"> ส่งข้อมูลได้ในระดับความเร็ว 1000 Mbps หรือ 1 Gbps เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความ</span><br /><span class="style23"> เร็วสูงมาก เช่น งานกราฟฟิก หรือใช้เชื่อมต่อตรงช่วงที่เข้าเครื่องเซิร์ฟเวอร์เพื่อสามารถรอง</span><br /><span class="style23"> รับงานจากเครื่องอื่นได้มากพร้อมกัน</span><br /><span class="style23"> - 10 Gigabit Ethernet</span><br /><span class="style23"> เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบอื่น ๆ คือทำได้ถึง 10000 Mbps หรือ</span><br /><span class="style23"> 10 Gbps นิยมใช้สำหรับเชื่อมต่อกับหน่วยงานขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันระหว่างเมืองหรือ</span><br /><span class="style23"> WAN เป็นต้น</span></span><br />
<br />
<div class="style22">
<span style="color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style22">
<span class="style25"><span style="color: orange;">8. จงบอกลักษณะโดยทั่วไปของสายโคแอกเชี่ยล</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style23">ตอบ. สายเส้นเดี่ยวแบบที่มีเปลือกเป็นสายโลหะถัก (Shield) เพื่อป้องกันคลื่นรบกวน โดยมักใช้กับเครือ</span><br /><span class="style23"> ข่ายแบบ Ethernet ดั้งเดิมซึ่งสามารถใช้ต่อเชื่อมระหว่างแต่ละเครื่องโดยตรงในลักษณะที่ไม่ต้อง</span><br /><span class="style23"> มีอุปกรณ์รวมสายเข้ามาช่วย ปัจจุบันเริ่มใช้กันน้อยลงเพราะถูกทดแทนด้วยสาสยแบบอื่นที่มีราคา</span><br /><span class="style23"> ถูกและทำความเร็วได้ดีกว่า</span></span><br />
<div>
<span style="color: orange;"><br /></span>
<div>
<span style="color: orange;">9.จงบอกถึงหน้าที่หลักของอุปกรณ์ Route<br /><span class="style23">ตอบ. Router จะทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือ node หนึ่งใน LAN ที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลาย</span><br /><span class="style23"> ทางที่ต้องการ หน้าที่หลักของ Router คือหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งต่อข้อมูลต่อไปยังเครือข่าย</span><br /><span class="style23"> อื่นซึ่งอาจใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้ โดยมีการแปลงหรือจัดรูปแบบข้อมูลตามแบบ</span><br /><span class="style23"> ของเครือข่ายที่จะส่งต่อนั้นด้วย</span></span></div>
<div>
<span style="color: orange;"><br /></span></div>
<div>
<span style="color: orange;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย</span></div>
<div>
<span style="color: orange;">สาขา sme 2/1</span></div>
<div>
<span style="color: orange;">กลุ่มเรียนวันพุธ-เช้า</span></div>
<div>
<span style="color: orange;"><br /></span>
<br />
<div class="style22">
<br /></div>
</div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-69243483648795507852012-09-04T18:50:00.005-07:002012-09-04T18:53:48.199-07:00แบบฝึกหัดบทที่5 ระบบปฏิบัติการและหลักการทำงาน<br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-size: large;">แบบฝึกหัดบทที่5เรื่องระบบปฏิบัติการและหลักการทำงาน</span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-size: large;"><br /></span>
<br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">1. </span></b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">cross-platform application <span lang="TH">คืออะไร จงอธิบาย</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ตอบ โปรแกรมประยุกต์ที่สนับสนุนการทำงานบนระบบปฏิบัติการได้หลายๆตัว ซึ่งทำให้การใช้งานมี</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์อาจจะมีการติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ไม่เหมือนกัน</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อให้ทำงานข้ามแพลตฟอร์มหรือข้ามระบบปฏิบัติการได้ จึงเป็นทางเลือก</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ให้กับผู้ใช้ได้ได้ดีพอสมควร</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">2.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">device driver <span lang="TH">มีประโยชน์อย่างไรต่อการทำงานกับคอมพิวเตอร์</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ตอบ มีประโยชน์ในการช่วยให้คอมพิวเตอร์รู้จักกับอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหลายที่เชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">จะทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ชนิดนั้นราบรื่นและสามารถทำงานได้อย่างไม่</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ติดขัด เมื่อถอด ย้ายหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงนั้นเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นใหม่อีก ก็สามารถใช้d</span></span></span><span style="background-color: white; font-family: 'Angsana New', serif;"><span style="color: orange;">evice driver <span lang="TH">นี้ติดตั้งเพื่อให้เครื่องอื่นๆรู้จักและติดต่อสื่อสารได้อีกเช่นกัน ปกติผู้ผลิตจะแนบตัว</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">โปรแกรมเหล่านี้มาพร้อมกับการซื้ออุปกรณ์แล้วในครั้งแรก</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">3.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เสียงสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ตอบสนองออกมาสั้นบ้าง ยาวบ้างนั้นเกิดจากกระบวนการในขั้นตอนใด และเหตุ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ใดจึงต้องทำเช่นนั้น</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ตอบ เกิดขึ้นในช่วงขั้นตอนที่เรียกว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> POST <span lang="TH">หรือ</span> power on self test <span lang="TH">เพื่อตรวจสอบความพร้อมของ</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">อุปกรณ์ต่างๆที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องไม่ว่าจะเป็นเมนบอร์ด แรม ซีพียูรวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เช่น</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">คีย์บอร์ดหรือเมาส์ โดยจะส่งสัญญาณเป็นเสียงสั้นยาวต่างกัน เมื่อพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">4.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ประเภทของการบู๊ตเครื่องมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สามารถแบ่งได้เป็น</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 2 <span lang="TH">ประเภท ซึ่งอธิบายได้ดังนี้</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> <span lang="TH">ตอบ 1.)</span></span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"><span lang="TH">โคลบู๊ต </span>(cold boot)</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เป็นการบู๊ตเครื่องที่อาศัยการทำงานของฮาร์ดแวร์ โดยการกดปุ่มเปิดเครื่อง</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">(power on) <span lang="TH">แล้วเข้าสู่</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">กระบวนการทำงานโดยทันที ปุ่มเปิดเครื่องจะทำหน้าที่เหมือนเป็นสวิตช์ปิดเปิดการทำงานโดยรวมของ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">คอมพิวเตอร์ทั้งหมดเหมือนกับสวิตช์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"><span lang="TH"> 2.)วอร์มบู๊ต</span> (warm boot)</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เป็นการบู๊ตเครื่องโดยทำให้เกิดกระบวนการบู๊ตใหม่หรือที่เรียกว่า การรีสตารท์เครื่อง</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> (restart)</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">โดยมากจะนิยมใช้ในกรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ สามารถทำได้</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 3 <span lang="TH">วิธีด้วย</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">กันคือ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span></span><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">กดปุ่ม</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> Reset <span lang="TH">บนตัวเครื่อง</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">กดปุ่ม </span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">C</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">+</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">a</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">+</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">d </span><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">จากแป้นพิมพ์</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span></span><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สั่งรีสตารท์เครื่องได้จากเมนูบนระบบปฏิบัติการได้เลย</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">5.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">จงบอกถึงความแตกต่างระหว่างส่วนประสานกับผู้ใช้แบบ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> Command line <span lang="TH">และแบบ</span> GUI <span lang="TH">มาพอสังเขป</span></span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ตอบ. ส่วนประสานงานแบบ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> command line <span lang="TH">จะสนับสนุนให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลคำสั่งด้วยตัวอักษรเพียงเท่า</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">นั้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการใช้งานพอสมควร เนื่องจากต้องจดจำรูปแบบคำสั่งได้ดี สำหรับ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ส่วนประสานงานกับผู้ใช้แบบกราฟฟิกหรือ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> GUI <span lang="TH">จะสนับสนุนการทำงานแบบรูปภาพคำสั่งมากยิ่งขึ้น เพื่อ</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ให้เกิดความสะดวกและไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ใช้ โดยไม่จำเป็นต้องจำคำสั่งตัวอักษรเหล่านั้น ผู้ใช้เพียงแค่</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เลือกรายการคำสั่งภาพที่ปรากฎบนจอ ก็สามารถสั่งการให้ทำงานได้ตามต้องการ</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 6.</span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">โครงสร้างแบบต้นไม้ คืออะไร เกี่ยวข้องกับโครงสร้างไฟล์ในคอมพิวเตอร์อย่างไรบ้าง</span></span></span><span style="background-color: white; font-family: 'Angsana New', serif;"><span style="color: orange;"><span lang="TH">ตอบ.</span>Treelike structure <span lang="TH">หรือโครงสร้างแบบต้นไม้ เป็นรูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลแบบลำดับชั้น</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">นิยมใช้สำหรับการจัดการโครงสร้างไฟล์ในระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะทำโดยแยกออกเป็น</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ส่วนๆเรียกว่า โฟลเดอร์ เหมือนเป็นกิ่งก้านและแตกสาขาไปได้อีก</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 7.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ส่วนประกอบย่อยของไฟล์ประกอบด้วยส่วนใดบ้าง จงยกตัวอย่างไฟล์มาอย่างน้อย</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 5 <span lang="TH">รูปแบบพร้อมทั้งอธิบาย</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ด้วยว่าแต่ละรูปแบบมีความหมายเช่นไร</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"> ตอบ.ประกอบด้วยส่วนย่อย</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 2 <span lang="TH">ส่วน คือ ชื่อไฟล์</span> (naming files) <span lang="TH">และส่วนขยาย</span> (extentions) <span lang="TH">ยกตัวอย่าง</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 5 <span lang="TH">รูปแบบได้ดังนี้</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> myprofile.doc</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์ที่ใช้เรียกมีชื่อว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> myprofile <span lang="TH">นามสกุลหรือส่วนขยายคือ</span> doc <span lang="TH">ซึ่งเป็นไฟล์ประเภทเอกสารงาน</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">นั่นเอง</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> (document)</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">report.xls</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์ที่ใช้เรียกมีชื่อว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> report <span lang="TH">นามสกุลหรือส่วนขยายคือ</span> xls <span lang="TH">ซึ่งเป็นไฟล์ประเภทตารางคำนวณ</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">พบเห็นได้กับการใช้งานในโปรแกรม</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> Microsoft Excel</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">present.ppt</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์ที่ใช้เรียกมีชื่อว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> present <span lang="TH">นามสกุลหรือส่วนขยายคือ</span> ppt <span lang="TH">เป็นไฟล์ที่ใช้สำหรับงานนำเสนอ</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ข้อมูล สร้างจากโปรแกรม</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> Microsoft Powerpoint</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Tahoma, sans-serif;">-</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> about.htm</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์ที่ใช้เรียกมีชื่อว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> about <span lang="TH">นามสกุลหรือส่วนขยายคือ</span> htm <span lang="TH">ซึ่งเป็นไฟล์ที่เขียนด้วยภาษา</span> HTML</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ที่ใช้สำหรับการแสดงผลบนเว็บเพจ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> -message.txt</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ไฟล์ที่ใช้เรียกมีชื่อว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> message <span lang="TH">นามสกุลหรือส่วนขยายคือ</span> txt <span lang="TH">ซึ่งเป็นไฟล์ประเภทข้อความ มัก</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สร้างจากโปรแกรมประเภท</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> editor <span lang="TH">ทั่วไป</span></span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"><span lang="TH"><br /></span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">8.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">หน่วยความจำเสมือนเกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"> ตอบ .หน่วยความจำเสมือนหรือ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> virtual memory <span lang="TH">จะเป็นหน่วยความจำที่ทำงานเหมือนกับ</span> RAM <span lang="TH">โดยใช้</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เนื้อที่ส่วนของหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เช่น ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุมากกว่า มาเก็บของส่วนงานทั้งหมดไว้</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">เพื่อเอามาช่วยการทำงานของ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> RAM <span lang="TH">เมื่อต้องประมวลผลงานที่มากขึ้น โดยจะแบ่งงานที่มีอยู่ออกเป็น</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ส่วนๆเรียกว่า</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> page <span lang="TH">ซึ่งจะมีขนาดที่แน่นอน เมื่อใดที่ต้องการประมวลผล ก็จะเลือกเอาเฉพาะเพจที่</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ต้องการเข้าสู่หน่วยความจำ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> RAM <span lang="TH">จนกว่าข้อมูลใน</span> RAM <span lang="TH">เต็ม จึงจะจัดการถ่ายเทข้อมูลดังกล่าวกลับไปไว้</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เพื่อให้</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> RAM <span lang="TH">มีเนื้อที่เหลือว่างและทำงานต่อไปได้ ทำให้หน่วยความจำสามารถ</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">9.</span></b><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> </span></b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">spolling <span lang="TH">ที่เกิดขึ้นในการพิมพ์งาน มีหลักการอย่างไรบ้าง</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ตอบ..หลักการจะอาศัยพื้นที่ส่วนหนึ่งของฮาร์ดดิสก์ ใช้เก็บข้อมูลที่อ่านเข้ามาไว้ก่อนที่จะส่งไปที่เครื่อง</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">พิมพ์ เพราะการเก็บข้อมูลไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ก่อนจะทำได้เร็วกว่าการเขียนข้อมูลไปที่เครื่องพิมพ์โดยตรง ซึ่ง</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ทำให้การทำงานสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะกับการพิมพ์งานพร้อมกันทีเดียวในสำนักงานทั่วไป เพราะ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สามารถจัดคิวเพื่อส่งพิมพ์ผลลัพธ์ได้ตามลำดับก่อนหลัง</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> 10.</span></b><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">ระบบ</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> plug and play <span lang="TH">คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อการทำงาน</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;"> ตอบ.เป็นคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในระบบปฏิบัติการบางตัว เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อ</span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สารกับอุปกรณ์อื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น ผู้ใช้เพียงแค่เชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านั้นเข้ากับคอมพิวเตอร์</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> (plug) <span lang="TH">ก็</span></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span lang="TH" style="font-family: 'Angsana New', serif;">สามารถใช้งานได้เลยทันที</span><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"> (play)</span></span></span></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: 'Angsana New', serif;"><br /></span></span></span><span style="background-color: white;"><span style="color: orange;"><b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">11. </span></b><span style="font-family: 'Angsana New', serif;">multi-processing <span lang="TH">คือการประมวลผลงานลักษณะใด มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง จงอธิบายพอสังเขป</span></span></span></span></span><br />
<span style="color: orange;"><span lang="TH" style="background-color: white; font-family: 'Angsana New', serif; font-size: large;">ตอบ .เป็นการทำงานเพื่อให้ประมวลผลเร็วขึ้น โดยใช้ซีพียูที่มากกว่าหนึ่งตัวเข้ามาทำงานร่วมกัน </span><span style="background-color: white; font-family: tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 22.78333282470703px;">ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลายๆคำสั่งงานในเวลาเดียวกัน โดยที่ระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่เป็นตัวประสานการทำงานของซีพียูที่มากกว่าหนึ่งตัวนี้ให้ทำงานด้วยกันได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ซีพียูตัวใดตัวหนึ่งเสีย ซีพียูตัวอื่นก็ยังสามารถทำงานแทนกันได้ ถือเป็นการร่วมประมวลผลของโปรแกรม โดยใช้หน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่องขึ้นไป</span></span><span style="background-color: white; font-family: tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 22.78333282470703px;"><span style="color: orange;"> ระบบประมวลผล หมายความว่า การจัดสรรการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่องขึ้นไป โดยที่การจัดสรรนั้นสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่องสามารถที่จะทำงานบนโปรแกรมเดียวกันในเวลาเดียวกัน</span></span><br />
<span style="background-color: white; font-family: tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 22.78333282470703px;"><span style="color: orange;"><br /></span></span>
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 18px;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ</span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)</span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี </span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. )</span></span><span style="background-color: white; color: #222222; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 18px;"> </span>
<br />
<br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-56554898672300662122012-09-04T18:38:00.003-07:002012-09-04T18:40:42.631-07:00แบบฝึกหัดบทที่ 6 ข้อมูลและการจัดการข้อมูล<span style="background-color: white; color: orange;">บทที่ 6 ข้อมูลและการจัดการข้อมูล </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span>
<br />
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">1.คุณสมบัติของข้อมูลที่ดีประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. คุณสมบัติพื้นฐานของข้อมูลที่ดี มีดังต่อไปนี้ </span><span class="style31"> </span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31"> - ความถูกต้อง</span><span class="style31"> จำเป็นต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริงหรือถูกต้องตรงกันกับแหล่งข้อมูล</span><span class="style31"> </span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">- มีความเป็นปัจจุบัน</span><span class="style31"> ข้อมูลที่ทันสมัยมาใช้ในการประมวลผลจะทำให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง </span><span class="style31"> - ตรงตามความต้องการ</span><span class="style31"> ข้อมูลที่ถูกต้องแต่ไม่ตรงกับความต้องการก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่ใช้ไม่ได้</span><span class="style31"> </span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">- ความสมบูรณ์</span><span class="style31"> ข้อมูลที่ดีต้องมีความครบถ้วนสมบูรณ์</span><span class="style31"> </span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">- สามารถตรวจสอบได้</span><span class="style31"> ข้อมูลที่ดีควรตรวจสอบแหล่งที่มาหรือหลักฐานอ้างอิงได้</span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31"><br /></span></span>
<span style="background-color: white; color: orange;">2.ไฟล์หรือแฟ้มตารางข้อมูลคืออะไร</span> <span style="background-color: white; color: orange;"><br /><span class="style31">ตอบ. คือ การนำเอาข้อมูลหลายๆเรคอร์ดที่ต้องการจัดเก็บมาเรียงอยู่ในรูปแบบของแฟ้มตารางข้อมูล </span><br /><span class="style31">เดียวกัน</span> </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"> </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;">3.ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ แตกต่างกันอย่างไร</span> <span style="background-color: white; color: orange;"><br /><span class="style31">ตอบ. ข้อมูลปฐมภูมิ (primary data) เป็นข้อมูลที่มีการเก็บหรือรวบรวมก่อนครั้งแรก เพื่อนำไปประมวล</span><br /><span class="style31"> ผลให้เกิดเป็นข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) ในภายหลัง ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่ออีกได</span>้</span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span>
<span style="background-color: white; color: orange;">4.ในแง่ของการจัดการข้อมูลนั้น ข้อมูลมีโอกาสซ้ำกันได้หรือไม่ จะมีวิธีแก้ไขได้อย่างไร</span> <span style="background-color: white; color: orange;"><br /><span class="style31">ตอบ. ข้อมูลอาจมีการซ้ำกันเกิดขึ้นได้อยู่เสมอในบางฟีลด์ เช่น ชื่อสินค้า ชื่อตัว หรือนามสกุล </span><br /><span class="style31"> อาจมีการใช้ที่ซ้ำกันได้ การแก้ไขในเรื่องการจัดการข้อมูลคือ สร้างคีย์ฟีลด์เพื่อใช้อ้างอิง</span><br /><span class="style31"> หรือระบุข้อมูลโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการอ้างอิงข้อมูลที่ผิดซึ่งทำให้สะดวก</span><br /><span class="style31"> และมีประสิทธิภาพมากกว่า คีย์ฟีลด์ในตารางแฟ้มข้อมูลจะเป็นตัวอ้างอิงหรือระบุเรคอร์ด</span><br /><span class="style31"> ที่ต้องการได้ ปกติจะเลือกฟีลด์ที่ไม่มีข้อมูลซ้ำกันเลย เช่น ฟีลด์รหัสนักศึกษา </span><br /><span class="style31"> ฟีลด์รหัสสินค้า เป็นต้น</span></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span>
<br />
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">5.การจัดโครงสร้างแฟ้มข้อมูลที่ง่ายและเป็นพื้นฐานมากที่สุด คือแบบใด มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. โครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ โดยจะเรียงลำดับเรคอร์ดต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆการอ่าน</span><br /><span class="style31"> หรือค้นคืนข้อมูลจะข้ามลำดับไปอ่านโดยตรงไม่ได้ เมื่อต้องการอ่านข้อมูลที่เรคอร์ดใดๆ โปรแกรม</span><span class="style31"> จะเริ่มอ่านข้อมูลตั้งแต่เรคอร์ดแรกไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบเรคอร์ดที่ต้องการอ่าน จึงจะเรียก </span><br /><span class="style31"> ค้นคืนเรคอร์ดนั้นขึ้นมา</span> </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span>
<br />
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">6.โครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบสุ่มสามารถทำงานได้เร็ว เป็นเพราะเหตุใด จงอธิบาย</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. การอ่านข้อมูลในเรคอร์ดใดๆสามารถเข้าถึงได้โดยตรง สามารถเลือกหรืออ่านค่าได้โดยทันที</span><br /><span class="style31"> ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีในสื่อประเภทจานแม่เหล็ก เช่น ดิสก์เก็ตต์หรือฮาร์ดดิสก</span>์</span><br />
<div>
<div class="style30">
<br /></div>
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">7.เหตุใดจึงต้องนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ในการทำงาน จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการทำงานที่ต่างคนต่างจัดเก็บข้อมูลแยกกันให้สามารถทำงาน</span><br /><span class="style31"> ร่วมกันได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลกลาง เช่นแต่เดิมข้อมูลที่อยู่ลูกค้า</span><br /><span class="style31"> ของฝ่ายขายและฝ่ายการเงินต่างก็แยกเก็บกันเอง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ที่อยู่ของ</span><br /><span class="style31"> ลูกค้า เกิดขึ้น จึงไม่รู้ว่าจะใช้ที่อยู่ใดในการติดต่อดี เพราะฝ่ายหนึ่งอาจมีการแก้ไขให้เป็น</span><br /><span class="style31"> ค่าที่อยู่ในปัจจุบันแล้ว แต่อีกฝ่ายหนึ่งอาจไม่ทราบและไม่มีการแก้ไขใดๆ หากจะติดต่อกับ</span><br /><span class="style31"> ลูกค้าจริงๆอาจมีปัญหาขึ้น แต่เมื่อนำเอาระบบฐานข้อมูลมาใช้ จึงช่วยลดปัญหาเหล่านี้</span><br /><span class="style31"> ลงไปได้</span></span></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">8. ความซ้ำซ้อนกันของข้อมูล (data redundancy) คืออะไร จงอธิบาย</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. คือการจัดเก็บข้อมูลไว้แยกกันหลายที่ ข้อมูลที่ต้องการจึงอาจมีบางส่วนที่ซ้ำกันได้</span><br /><span class="style31"> กล่าวคือมีข้อมูลชุดเดียวกันถูกจัดเก็บใน 2 แฟ้มข้อมูลหรืออาจมากกว่านั้น ทำให้</span><br /><span class="style31"> เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลโดยเปล่าประโยชน์ และเมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลง</span><br /><span class="style31"> ข้อมูลในแฟ้มข้อมูลนั้น อาจจำเป็นต้องตามไปแก้ไขทุกๆแฟ้มที่จัดเก็บแยกกันอีกเพื่อ</span><br /><span class="style31"> ให้ตรงกัน จึงทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก</span></span></div>
<div>
<div class="style30">
<br /></div>
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;">9.DBMS มีประโยชน์อย่างไรต่อการใช้งานฐานข้อมูล</span></div>
<span style="background-color: white; color: orange;"><span class="style31">ตอบ. เป็นเสมือนตัวกลางที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานฐานข้อมูลได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่จำ</span><br /><span class="style31"> เป็นต้องทราบถึงโครงสร้างทางกายภาพของข้อมูลในระดับที่ลึกมากก็สามารถดูแลรักษา</span><br /><span class="style31"> ฐานข้อมูลได้ รวมถึงควบคุมการเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้ด้วยอีกทั้งยังทำให้การค้นคืนข้อมูลต่างๆ</span><br /><span class="style31"> สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมักจะมีภาษาการจัดการกับข้อมูลโดยเฉพาะเป็นของตนเอง</span></span><br />
<br />
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange;"><br /></span></div>
<div class="style30">
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 18px;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 18px;">คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ</span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 18px;">สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)</span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 18px;">วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี </span><br />
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; line-height: 18px;">กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. )</span>
</div>
<div class="style32" style="color: #cccccc; font-size: xx-large;">
<br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-73867523203084562792012-09-04T18:30:00.004-07:002012-09-04T18:30:51.179-07:00แบบฝึกหัดบทที่ 4 ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง<br />
<div style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">
<span style="color: orange;"><span class="style13">1.คีย์บอร์ดแบบเออร์โกโนมิกส์ ช่วยลดปัญหาในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร จงยกตัวอย่างประกอบ</span></span></div>
<span style="color: orange;"><span class="style11">ตอบ. คีย์บอร์ดลักษณะดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อมือที่</span><span class="style11"> สัมผัสกับคีย์บอร์ดอยู่ตลอดเวลา โดยมีแป้นรองรับการพิมพ์สัมผัสที่ง่ายและเบา มีแท่นวางมือและ</span><span class="style11"> ออกแบบให้สัมพันธ์กับสรีระของแขนและมือให้ทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น</span><span class="style11"> </span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style11"><br /></span></span>
<br />
<span style="background-color: white;"><span style="color: orange;">2.ออปติคอลเมาส์มีหลักการทำงานแตกต่างจากเมาส์แบบทั่วไปอย่างไร </span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12">ตอบ. เมส์แบบแสงหรือออปติคอลเมาส์จะทำงานได้โดยไม่ต้องใช้ล้อหมุนเหมือนกับเมาส์แบบทั่วไปแต่จะ</span><br /><span class="style12"> ใช้แสงส่องไปกระทบพื้นผิวด้านล่าง และมีวงจรภายในทำหน้าที่วิเคราะห์แสงสะท้อนที่เปลี่ยนไป</span><br /><span class="style12"> เมื่อมีการเลื่อนเมาส์ จากนั้นจะแปลงทิศทางเป็นการชี้ตำแหน่งในที่าุด ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบต่อสาย</span><br /><span class="style12"> และแบบไร้สาย</span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12"><br /></span></span>
<span style="color: orange;">3.OMR คืออะไร จงอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบของลักษณะงานที่นำไปใช้</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. เครื่องมือที่ใช้สำหรับอ่านหรือตรวจสอบคะแนนจากกระดาษคำตอบชนิดพิเศษ มีชื่อเต็มว่า "Optical</span><br /><span class="style12"> Mark Reader" มักนำไปใช้กับการตรวจข้อสอบของบุคคลจำนวนมาก เข่น การสอบเอ็นทรานซ์ </span><br /><span class="style12"> การสอบวัดระดับความรู็้ต่าง ๆ โดยจะทำการอ่านเครื่องหมายที่ผู้เข้าสอบได้ทำการระบายไว้ในกระ</span><br /><span class="style12"> ดาษคำตอบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ</span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12"><br /></span></span>
<span style="color: orange;">4.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถือว่าเป็น หัวใจหลักของเครื่องพีซีทุกเครื่อง คืออุปกรณ์ใด เหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. เมนบอร์ด คืออุปกรณ์ที่เป็นเสมือนหัวใจหลักของเครื่องพีชี เนื่องจากเป็นแผงควบคุมวงจรการเชื่อม</span><br /><span class="style12"> ต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด จะขาดไปเสีียไม่ได้ ความ -</span><br /><span class="style12"> สามารถของเครื่องว่าจะใช้ซีพียูอะไรได้บ้าง มีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกับอุปกรณ์</span><br /><span class="style12"> ใหม่ ๆ ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดที่เลือกใช้ทั้งสิ้น</span></span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span>
<span style="color: orange;">5.หน่วยเก็บข้อมูลสำรองแบ่งได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง จงยกตัวอย่างมาประเภทละ 2 รายการ</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้</span><br /><span class="style12"> 1. แบบจานแม่เหล็ก</span><br /><span class="style12"> เป็นอุปกรณ์สำรองข้อมูลที่เป็นลักษณะของจานแม่เหล็กสำหรับบันทึกข้อมูลไว้ภายใน [ disk ]</span><br /><span class="style12"> ได้รับความนิยมและใช้งานมานานพอสมควร เช่น ฟล็อปปีดีิสก์และฮาร์ดดิสก์</span><br /><span class="style12"> 2. แบบแสง</span><br /><span class="style12"> เป็นสื่อเก็บข้อมูลสำรองที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยใช้หลักการทำงานของแสง การจัด</span><br /><span class="style12"> การข้อมูลจะคล้ายกับแผ่นจานแม่เหล็ก ต่างกันที่การแบ่งจะเป็นรูปก้นหอยและเริ่มเก็บบันทึก</span><br /><span class="style12"> ข้อมูลจากส่วนด้านในออกมาด้านนอก ที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันดี เช่น CD , DVD</span><br /><span class="style12"> 3. แบบเทป</span><br /><span class="style12"> เป็นสื่อเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากและเข้าถึงข้อมูลแบบเรียงลำดับต่อเนื่อง</span><br /><span class="style12"> กันไป มีการผลิตขึ้นมาหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป เช่น DAT และ QIC เป็นต้น</span><br /><span class="style12"> 4. แบบอื่น ๆ</span><br /><span class="style12"> เป็นสื่อเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น Flash Drive</span><br /><span class="style12"> Thumb Drive , Handy Drive เป็นต้น อีกชนิดคือ Memory Card เพื่อใช้เก็บข้อมูลในกล้องดิจิ-</span><br /><span class="style12"> ตอลแบบพกพา </span><span class="style12"> </span></span><br />
<span style="color: orange;">6.แทรคและเซกเตอร์ในสื่อเก็บข้อมูลจานแม่เหล็กคืออะไร</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. พื้นที่เก็บข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็ก โดยที่แทรคจะเป็นลักษณะของพื่นที่แนววงกลมรอบ ๆแผ่น</span><br /><span class="style12"> จาน จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของจานแม่เหล็กนั้นด้วย ซึ่งแผ่นแต่ล่ะแผ่นจะมี</span><br /><span class="style12"> ความหนาแน่นของสารแม่เหล็กแตกต่างกันทำให้ปริมาณความจุจึงแตกต่างกันด้วย ส่วนเซกเตอร์</span><br /><span class="style12"> นั้น เป็นส่วนของแทรคที่แบ่งย่อยออกมาเป็นส่วน ๆ หากเปรียบเทียบแผ่นจานเเม่เหล็กเป็นคอนโด</span><br /><span class="style12"> มิเนียมหลังหนึ่ง แล้วเซกเตอร์ก็เปรียบเหมือนกับห้องพักที่แบ่งให้คนอยู่เป็นห้องๆ นั้่นเอง</span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12"><br /></span></span>
<span style="color: orange;">7.แผ่นดิสก์เก็ตต์แผ่นหนึ่งเก็บข้อมูลได้ 2 ด้าน แต่ละด้านมี 80 แทรค แต่ละแทรคแบ่งได้ 9 เซกเตอร์ และแต่ละเซกเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 512 ไบต์ จงคำนวณหาความจุของแผ่นนี้</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. ความจุของแผ่นดิสก์เก็ตแผ่นนี้ สามารถคำนวณหาได้ดังนี้</span><br /><span class="style12"> ความจุของแผ่นดิสก์เก็ต = 2 X 80 X 9 X 512 bytes</span><br /><span class="style12"> = 737,280 bytes</span><br /><span class="style12"> = 720 KiB (737,280/1024)</span><br /><span class="style12"> หรือ = 737.28 KB (737,280/1000)</span></span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span>
<span style="color: orange;">8. ดิสเก็ตต์และฮาร์ดดิสก์ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. ดิสเก็ตต์จะมีราคาถูกกว่ามาก แต่จะเก็บได้ไม่มากเท่ากับฮาร์ดดิสก์เพราะมีพื้นที่จานเก็บข้อมูล-</span><br /><span class="style12"> ขนาดใหญ่กว่า ซึ่งประกอบด้วยจานหลายแผ่น ทำให้จำนวนแทรคและเซกเตอร์จึงมีมากตามไปด้วย</span><span class="style12"> สำหรับการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านดิสเก็ตต์จะสัมผัสแผ่นจานทุกครั้งที่อ่าน แต่ฮาร์ดดิสหัวอ่านจะลอย</span><span class="style12">อยู่หนือแผ่นจาน ไม่มีการสัมผัสตัวแผ่นจานแต่อย่างใด</span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12"><br /></span></span>
<span style="color: orange;">9.สื่อเก็บข้อมูลประเภท CD และ DVD มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. สื่อเก็บข้อมูลแบบ CD จะเหมาะกับการเก็บข้อมูลทั่วไป เช่น ข้อมูลไฟล์การทำงาน ข้อมูลโปรแกรม</span><span class="style12"> เพื่อใช้งาน ส่วนแบบ DVD จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่าคือ เก็บข้อมูลได้เยอะมากยิ่งขึ้น จุได้ 17 GB จึง</span><span class="style12"> เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลกับการเก็บข้อมูลงานทางด้่าน มัลติมิเดีย เพื่อให้เกิดความสมจริงของ</span><span class="style12">ภาพและเสียงมากที่สุด</span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12"><br /></span></span>
<span style="color: orange;">10.เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตและแบบเลเซอร์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</span> <span style="color: orange;"><br /><span class="style12">ตอบ. </span></span><br />
<span style="color: orange;"><span class="style12">เครื่องพิมแบบอิงค์เจ็ตอาศัยหลักการพิมพ์โดยใช้หมึกพ่นลงไปบนกระดาษ เหมาะกับงานพิมพ์เอก</span><span class="style12">สารที่ต้องการความสวยงาม ส่วนเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ราคาแพงกว่า เนื่องจากให้ความคมชัดได้</span><span class="style12">ดีหลักกการทำงานจะอาศัยแสงเลเซอร์ยิงลงไปบนกระดาษ คล้ายกับการทำงานของเครื่องถ่าย</span><span class="style12">เอกสาร แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถพิมพ์เอกสารที่เป็นแบบสำเนาได้</span></span><br />
<br />
<div style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">
<br /></div>
<div style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span><br style="color: orange;" /><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ</span><br style="color: orange;" /><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)</span><br style="color: orange;" /><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี </span><br style="color: orange;" /><span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. )</span>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-15617020646382498282012-06-26T20:56:00.002-07:002012-06-26T20:56:50.515-07:00ข่าวเกี่ยวกับ software และ technology<div style="text-align: left;">
<span style="color: #666666; font-family: Tahoma, sans-serif; font-size: large;"><span style="line-height: 19px;">ข่าวเกี่ยวกับ software และ technology</span></span></div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div class=" fb_reset" id="fb-root" style="background-image: none; border-spacing: 0px; border: 0px; cursor: auto; direction: ltr; font-family: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; font-size: 11px; line-height: 1; margin: 0px; overflow: visible; padding: 0px; text-shadow: none; visibility: visible;">
<div style="height: 0px; margin: 0px; padding: 0px; position: absolute; top: -10000px; width: 0px;">
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
<iframe id="fb_xdm_frame_http" name="fb_xdm_frame_http" src="http://static.ak.facebook.com/connect/xd_arbiter.php?version=8#channel=f21fbe24a4&origin=http%3A%2F%2Fwww.it24hrs.com&channel_path=%2F2011%2Ffacebook-for-everyphone%2F%3Ffb_xd_fragment%23xd_sig%3Df24e58692c%26"></iframe><iframe id="fb_xdm_frame_https" name="fb_xdm_frame_https" src="https://s-static.ak.facebook.com/connect/xd_arbiter.php?version=8#channel=f21fbe24a4&origin=http%3A%2F%2Fwww.it24hrs.com&channel_path=%2F2011%2Ffacebook-for-everyphone%2F%3Ffb_xd_fragment%23xd_sig%3Df24e58692c%26"></iframe></div>
<div style="margin: 0px; padding: 0px;">
</div>
</div>
</div>
<h1 class="title" style="color: #333333; font-family: RSUBold; font-size: 26px; font-weight: normal; line-height: 1.3em; margin: 0px 0px 18px; padding: 0px; text-align: -webkit-auto;">
<a href="http://www.it24hrs.com/2011/facebook-for-everyphone/" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">เปิดตัวแล้ว แอพ Facebook สำหรับมือถือทั่วไป รุ่นไหนก็ใช้ได้!</a></h1>
<div class="meta" style="background-color: #f8f8f8; border: 1px solid rgb(228, 228, 228); color: #666666; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 12px; margin: 0px 0px 18px; padding: 10px; text-align: -webkit-auto;">
<div style="padding: 0px;">
วันที่: 14 กรกฎาคม 2011<br />หมวดหมู่: <a href="http://www.it24hrs.com/category/facebook-2/" rel="category tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" title="ดูเรื่องทั้งหมดใน Facebook">Facebook</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/category/articles/" rel="category tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" title="ดูเรื่องทั้งหมดใน บทความไอที 24 ชั่วโมง">บทความไอที 24 ชั่วโมง</a><br />ป้ายคำ: <a href="http://www.it24hrs.com/tag/app/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">app</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/application/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">application</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/facebook/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">facebook</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/facebook-for-everyphone/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">facebook for everyphone</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/java/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">java</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/mobile/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">mobile</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/social-network/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">social network</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%8c/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">เครือข่ายสังคมออนไลน์</a>, <a href="http://www.it24hrs.com/tag/%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%97%e0%b9%8c%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%96%e0%b8%b7%e0%b8%ad/" rel="tag" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;">โทรศัพท์มือถือ</a></div>
</div>
<div class="entry" style="margin: 0px; padding: 0px;">
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px; text-align: center;">
<object height="349" width="560"><embed type="application/x-shockwave-flash" width="560" height="349" src="http://www.youtube.com/v/x0CflZy9k6E?version=3&hl=th_TH&rel=0" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></object></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px; text-align: left;">
<strong style="font-size: 1em;">Facebook เป็นเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่สามารถแชร์ภาพ บอกเล่าความรู้สึก และสนทนากับเพื่อนๆกลุ่มต่างๆทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่ง ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ เมื่อก่อนการอัพสถานะบน facebook จะต้องกระทำผ่าน พวกคอมพิวเตอร์พีซี โน๊ตบุ๊ค แท๊บเล๊ท และมือถือพวกสมาร์ทโฟน ส่วนโทรศัพท์มือถือทั่วไป (Feature Phone) ก็มีบางรุ่นรองรับ แต่ส่วนใหญ่จะทำงานกับทาง facebook ได้ไม่เต็มที่ จนถึงตอนนี้ facebook สามารถเล่นบนมือถือทั่วไปได้แล้ว</strong></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px; text-align: center;">
<span id="more-6267"></span><a href="http://www.it24hrs.com/2011/facebook-for-everyphone/facebook-for-every-phone-3/" rel="attachment wp-att-6269" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;"><img alt="" class="aligncenter size-full wp-image-6269" height="283" src="http://www.it24hrs.com/wp-content/uploads/2011/07/facebook-for-every-phone-3.jpg" style="border: 1px solid rgb(228, 228, 228); display: block; margin-left: auto; margin-right: auto; padding: 8px;" title="facebook-for-every-phone-3" width="250" /></a></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
เพราะทาง <strong style="font-size: 1em;">facebook </strong>ได้ออกแอพพลิเคชั่น<span style="color: navy;"><strong style="font-size: 1em;"> facebook for everyphone</strong> <span style="color: maroon;">(หรือแอพ facebook สำหรับมือถือทั่วไปที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน)</span></span> โดยคุณสมบัติของแอพ ทำให้โทรศัพท์มือถือทั่วไปที่รองรับทั้ง การท่องเน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และ รองรับjava กว่า 2500 รุ่น สามารถเล่น facebook ได้ และเข้าถึงการทำงานในส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็น ข่าว , inbox , รูปภาพ การอัพโหลด , รายชื่อเพื่อนๆใน facebook และอื่นๆอีกมากมาย</div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
รวมไปถึงสามารถถ่ายรูปแล้วอัพขึ้น facebook ได้สมบูรณ์แบบด้วย โดยการเข้าถึงข้อมูลของ facebook For Everyphone นี้ เหมือนกับแอพ facebook บนโทรศัพท์มือสมาร์ทโฟนอย่าง android และ iPhone เช่นกัน หากใครที่มืมือถือธรรมดาที่ไม่ใช่สมาร์ทโฟน รองรับอินเตอร์เน็ต และรองรับการติดตั้งผ่าน Java ก็สามารถติดตั้งได้ผ่านทางลิงค์เว็บไซต์ <a href="http://d.facebook.com/install" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" target="_blank">d.facebook.com/install</a> บนโทรศัพท์มือถือของคุณ แค่นี้มือถือธรรมดาของคุณก็สามารถเล่น facebook ได้แล้ว</div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<strong style="font-size: 1em;">ข้อมูลจาก <a href="http://www.electronista.com/articles/11/07/13/enables.facebook.on.2500.java.phones/" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" target="_blank">electronista</a> , <a href="http://www.readwriteweb.com/archives/facebook_for_every_phone_aims_to_bring_facebook_to.php" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" target="_blank">readwriteweb</a> , <a href="http://electricpig.co.uk/2011/07/13/facebook-for-every-phone-app-social-networking-on-your-dumbphone" style="color: #0c92cd; outline-style: none; text-decoration: none;" target="_blank">electricpig</a></strong></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<strong style="font-size: 1em;"><span style="color: red;">อัพเดท</span> <span style="color: maroon;">ได้รับการ feedback ไปว่ายังมีปัญหาเรื่องการพิมพ์ภาษาไทยในขณะนี้ ดังนั้น facebook for everyphone ที่ได้นำเสนอ จะเหมาะสำหรับการพิมพ์แบบภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทย ควรใช้กับพวกสมาร์ทโฟน android , windowsphone และ iphone เช่นเดิม</span></strong></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<strong style="font-size: 1em;"><span style="color: maroon;">--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</span></strong></div>
<div style="margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: maroon; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: large;"><span style="line-height: 20px;"><b>software และ technology มีฐานการผลิตที่ประเทศใหนบ้าง</b></span></span></div>
<div style="color: #333333; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
</div>
<table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, sans-serif; font-size: small; line-height: 19px; text-align: left; width: 500px;"><tbody>
<tr><td><div align="center" style="margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; padding: 0px;">
<span style="color: green; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 18pt;">คลัสเตอร์ซอฟต์แวร์ ไมโครชิป และอิเล็กทรอนิกส</span></div>
</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><br />ความสำคัญ<br /> อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีการส่งออกปีละ 1.5 ล้านล้านบาท หรือเกือบหนึ่งในสามของมูลค่าสินค้าส่งออกทั้งหมดของประเทศและมีการจ้างงาน 4 แสนคน อุตสาหกรรมในประเทศอาจแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟและแผงวงจรไฟฟ้า (integrated circuit : IC) เครื่องใช้ไฟฟ้า (ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ) และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องเสียง เครื่องรับโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์) ในยุคสารสนเทศนี้ จะเห็นไมโครชิปและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์แทบทุกชนิด (embedded system) เช่น อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เครื่องมือแพทย์ และยานยนต์ เป็นต้น โดยมีซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนดให้เครื่องมือเหล่านี้ทำงานตามที่ต้องการได้ ซอฟต์แวร์ ไมโครชิป และอิเล็กทรอนิกส์ ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ในยุคเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ โดยเป็นเครื่องสำคัญในขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคมให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเปิดโอกาสให้มีวิถีชีวิตและธุรกิจแนวใหม่ที่ตอบสนองความใฝ่ฝันของมนุษย์ได้สมบูรณ์ขึ้น <br /><br />สถานภาพปัจจุบัน<br /> อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เป็นอุตสาหกรรมหลักตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (hard disk drive) โดยมีปริมาณการผลิตเพื่อส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปี พ.ศ. 2547 มีการจ้างแรงงานกว่า 100,000 คน มูลค่าการส่งออกประมาณ 483,000 ล้านบาท ตลาดในประเทศมีมูลค่าเกือบ 53,000 ล้านบาท และเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 13 ต่อปี ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในระดับเริ่มต้นของการพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่ยังต้องนำเข้าเทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ และยังต้องพัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากรของไทยอีกมาก<br /><br /> อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีสัดส่วนของการใช้งานระบบสมองกลฝังตัว (embedded system) ในสัดส่วนและมูลค่าที่สูง มูลค่ารวมของตลาดทั้งโลกในปี 2552 จะอยู่ที่ประมาณ 88 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉลี่ยใน 5 ปีจะมีการเติบโตร้อยละ 14 อุตสาหกรรมอาร์เอฟไอดี (Radio Frequency Identification : RFID) ในตลาดโลกมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 25 ต่อปี ในประเทศไทยมีการนำ RFID ไปประยุกต์ใช้งานด้านการผลิตในอุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ การควบคุมการเข้า-ออก การปศุสัตว์ และการเงิน โดยในปี 2548 มีมูลค่า 856 ล้านบาท (ร้อยละ 1 ของตลาด RFID ทั่วโลก) และเพิ่มเป็น 1,8028 ล้านบาท ในปี 2550<br /><br /> ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประสบภาวะคุกคามอย่างมากทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ จุดอ่อนของประเทศไทยคืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศจะมีมูลค่าเพิ่มต่ำ เพราะต้องนำเข้าชิ้นส่วนในสัดส่วนสูง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนผลิตในไทย อาจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่า เพื่อการแข่งขันด้านราคาในตลาดระหว่างประเทศ ส่วนตลาดในประเทศ ก็ประสบปัญหาจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร เทคโนโลยี และสร้างสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจ เพื่อพัฒนาห่วงโซ่อุปทานให้มีมูลค่าเพิ่มในประเทศมากขึ้นและให้มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง <br /><br />------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------<br /><br />สวทช. ปลื้ม สถาบันวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (SEI) ชูมาตรฐานอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยอันดับ 1 ของอาเซียน และ อันดับ 15 ของโลก ที่ผ่านมาตรฐาน CMMI…<br /><br />นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. กล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทซอฟต์แวร์ไทย ที่สถาบันวิศวกรรม ซอฟต์แวร์ (Software Engineering Institute :SEI) แห่งมหาวิทยาลัย คาร์เนกี ประกาศให้ บริษัท ซอฟต์แวร์ไทยผ่านเกณฑ์มาตรฐาน CMMI (Capability Maturity Model Integration) เป็นลำดับที่ 15 ของ โลก จากบริษัทที่ผ่านการประเมินทั้งหมด 76 ประเทศ และเป็นลำดับที่ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยสามารถแซงหน้าประเทศมาเลเซียได้สำเร็จ ทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ไทยได้รับความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่น และมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น สร้างความภาคภูมิใจในการที่จะทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยเป็นที่ยอมรับและ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ตลอดจนเป็นตัวเชื่อมคู่ค้าและพันธมิตรใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ไทย และเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC <br /><br />ทั้งนี้ ปัจจุบัน อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการเกษตร และอาหาร แฟชั่น ท่องเที่ยว ยานยนต์ และอัญมณี เนื่องจากความต้องการซอฟต์แวร์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเสริมจากการเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร <br /><br />ขณะที่ ความสำเร็จของบริษัทซอฟต์แวร์ไทยในวันนี้ เป็นผลมาจากการที่ซอฟต์แวร์พาร์คมีโครงการ สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจซอฟต์แวร์ในการปรับปรุงกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ยกระดับกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์ให้มีคุณภาพ ด้วยการทำงานที่มีกระบวนการตามมาตรฐาน CMMI อันเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล อีกทั้ง ยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพ ลดความเสี่ยงด้านการบริหารบุคลากรโดยทำงานร่วมกันเป็นทีมสามารถเปลี่ยนถ่ายงานภายในทีมงานได้ง่าย ทำให้สามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพได้ครบถ้วนตรงตามกำหนดเวลา ภายใต้งบประมาณที่กำหนด สร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยในการแข่งขันในระดับเวทีโลก<br /><br />สำหรับ โครงการ SPI@ease เป็นการผนึกกำลังการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ซึ่งภาครัฐมี 2 หน่วย คือ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ภายใต้การดำเนินโครงการของ สวทช. โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย ฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (ITAP) และ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า ที่เล็งเห็น และตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว ร่วมกันก่อตั้งขึ้นในปี 2550 และนับจากนั้นมาโครงการได้มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยมีบริษัทซอฟต์แวร์กว่า 50 บริษัทที่สามารถพัฒนากระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ตามมาตรฐาน CMMI และผ่านการประเมินในระดับต่างๆ อย่างต่อเนื่อง<br /><br />“ความสำเร็จในครั้งนี้ จะตอกย้ำความมั่นใจว่า ไทยพร้อมเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดสากลในระดับเท่าเทียมกับนานาประเทศได้ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งในความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของ สวทช. ที่มีพันธกิจหลักในการสร้าง เสริมความเข้มแข็งและสร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจไทยด้วยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ทั้งในแง่การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งมอบภาคเอกชนให้ผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ การสนับสนุนภาคเอกชน ในด้านการบริการวิจัย การรับจ้างทดสอบ หรือแม้กระทั่งการร่วมลงทุนตั้งบริษัทกับเอกชน เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยองค์ความรู้และงานวิจัยต่างๆที่ สวทช.ได้ริเริ่มดำเนินการไว้ และการทำงานที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานหลักๆ ในภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ <br /><br /><br /><br /><br />สำหรับมาตรฐาน CMMI (Capability Maturity Model Integration) เป็นกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Software Engineering Institutle (SEI) แห่งมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก จึงมีความจำเป็นที่ทุกประเทศต้องส่งเสริมให้บริษัทผู้ ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองหันมาให้ความสนใจ เพื่อยกระดับคุณภาพ และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั้งใน ระดับสากล นอกจากนี้ ยังวางรากฐานในการยกระดับขีดความสามารถของ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ให้พร้อมแข่งขันในเวทีการค้าเสรี และในระดับสากล โดย CMMI กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร เพื่อให้ทุกคนมีขั้นตอนการปฏิบัติงานและการทำงานต่างๆ ชัดเจน ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไร ทำให้ปัญหาต่างๆ ลดน้อยลง และขอบเขตการทำงานของ CMMI ที่เข้ามาควบคุมยังทำให้คุณภาพซอฟต์แวร์ดีขึ้น <br /><br />อีกทั้ง ยังลดจำนวนของเสียจากกระบวนการผลิต หากกระบวนการทำงานไม่ชัดเจนอาจเกิดข้อผิดพลาดและนำมาซึ่งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้ ดังนั้น หากสามารถควบคุมคุณภาพและส่งงานได้ตามกำหนดเวลา จะทำให้ลูกค้าเกิดความพอใจในมาตรฐาน ซึ่งถือว่าสำคัญไม่เฉพาะในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เท่านั้น หากมีอยู่ในทุกอุตสาหกรรม จะยิ่งเพิ่มมาตรฐานและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันทางการค้ามากยิ่ง ขึ้น อีกด้วย.<br /><br /> <br /><br />แหล่งข้อมูล : <a href="http://m.thairath.co.th/content/tech/269855">http://m.thairath.co.th/content/tech/269855</a><br /><br /><a href="http://www.ict.bus.ku.ac.th/backoffice/pdf_research/570_176_g.pdf">http://www.ict.bus.ku.ac.th/backoffice/pdf_research/570_176_g.pdf</a> <br /><br /><a href="http://www.atsi.or.th/index.asp?pageid=206&directory=2110&pagename=viewlink">http://www.atsi.or.th/index.asp?pageid=206&directory=2110&pagename=viewlink</a><br /><br /><br /><br /><br />โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย <br /><br />คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ<br /><br />สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)<br /><br />วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี <br /><br />กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. ) </span><div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 10pt; line-height: 19px; text-align: left;"><br /></span></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 10pt; line-height: 19px; text-align: left;"><br /></span></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 10pt; line-height: 19px; text-align: left;"><br /></span></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 10pt; line-height: 19px; text-align: left;"><br /></span></div>
<div style="color: #333333; font-family: 'Helvetica Neue', Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 13px; line-height: 1.6em; margin-bottom: 18px; padding: 0px;">
<span style="color: #4f4f4f; font-family: tahoma, arial, helvetica, sans-serif; font-size: 10pt; line-height: 19px; text-align: left;"><br /></span></div>
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-78053217202436833002012-06-26T20:21:00.003-07:002012-06-26T20:25:50.292-07:00<span style="color: orange; font-size: large;">แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3 ซอฟแวร์ และ ภาษาคอมพิวเตอร์</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">1.ซอฟต์แวร์ประยุกต์เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการอย่างไร จงอธิบาย </span><br />
<div>
<span style="color: orange;">ตอบ. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ หรือ application software จะถูกติดตั้งและทำงานบนระบบปฏิบัติการเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ</span><br />
<div>
<div>
<span style="color: orange;">แบ่งตามกลุ่มการใช้งานได้ 3 กลุ่มใหญ่คือ</span></div>
<div>
<span style="color: orange;"> 1.กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ</span><br />
<span style="color: orange;"> 2.กลุ่มการใช้งานทางด้านธรุกิจด้านกราฟิกและมัลติมีเดีย</span><br />
<span style="color: orange;"> 3.กลุ่มใช้งานบนเว็บและการสื่อสาร</span></div>
<div>
<span style="color: orange;">ซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ มีทั้งประเภทสามารถหาซื้อมาใช้ได้เองตามท้องตลาดและพัฒนาขึ้นมาใช้ได้เองเฉพาะกรณี </span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="background-color: white; color: orange;">2.ระบบปฏิบัติการโดยทั่้วไปมีกี่ประเภท จงอธิบาย ยกตัวอย่างประกอบ</span></div>
<div>
<span style="color: orange;">ตอบ 3 ประเภท</span></div>
<div>
<span style="color: orange;"> 1.ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว-มุ่งเน้นให้บริการผู้ใช้เพียงคนเดียว นิยมใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานแบบทั่วไป เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสำนักงาน ซึ่งจะถูกติดตั้งระบบปฏิบัติการนี้ไว้รองรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์งานดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้นนิยมใช้สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลและการทำงานแบบทั่วไป</span><br />
<span style="color: orange;"> 2.ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย- มุ้งเน้นการให้บริการกับผู้ใช้หลายๆ คนนิยมใช้สำหรับการประมวลผลงานข้อมูลสำหรับ เครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนำไปใช้ในองค์กรธุรกิจทั่วไป เครื่องคอมฯที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเหล่านี้จะเรียกว่า เครื่องแม่ข่ายนิยมใช้สำหรัีบงานให้บริการผลข้อมูล</span><br />
<span style="color: orange;"> 3.ระบบปฏิบัติการแบบฝัง- พบเห็นได้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเออ หรือ สมาร์ทโฟน บางรุ่นสามารถช่วยในการทำงานแบบเคลื่อนที่ได้ดี เป็นระบบที่เกิดขึ้นมาหลังสุด บางรุ่นระบบมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว เช่น รองรับการทำงานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง</span></div>
<div>
<span style="color: orange;">3. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง(Embedded OS )คืออะไร นิยมใช้กับอุปกรณ์ประเภทใด จงอธิบาย</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ. เป็นระบบปฏิบัติการชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร เฉพาะอย่างยิ่งกับอุปกรณ์ประเภทสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่มีความสามารถ หลากหลาย ไม่ใช่โทรเข้า-ออกได้แต่เพียงอย่างเดียว ยังสามารถ ดูหนัง ฟังเพลง ท่องเว็บรับอีเมล์และรับส่งแฟกซ์ได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วยรองรับกับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สายwireless โดยเฉพาะสนับสนุนการทำงานแบบหลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">4.โปรแกรมป้องกันไวรัส มีความสำคัญอย่างไรบ้าง</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ. เป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดีซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเสมือนยามคอยตรวจสอบดูแลระบบทั่วไปว่ามีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีโปรแกรมนี้มันก็จะฟ้องขึ้น เราก็สามารถลบทิ้งได้ทันที เพื่อความราบรื่นในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโปรแกรมประสงค์ร้ายต้องอัพเดทข้อมูลใหม่อยู่เสมอเพื่อให้รุ้จักหาทางยับยั้งไวรัส</span><br />
<span style="color: orange;">ควรติดตั้งไว้ในเครื่องทุกเครื่อง</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">5. นายอภิชาติต้องการเก็บข้อมูลไฟล์หลายๆไฟล์ เป็นอันเดียวกันและให้มีขนาดที่เล็กลง ควรจะใช้โปรแกรมประเภทใด จงอธิบาย </span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ.โปรแกรมบีบอัดไฟล์ (File Compression Utility)เป็นลักษณะของโปรแกรมที่ทำหน้าที่บีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็กลงนั้นเอง ไฟล์ที่ได้จากการบีบอัดไฟล์นี้บางครั้งนิยมเรียกว่า ซิปไฟล์( zip files ) ตัวอย่างของยูทิลิตี้ที่นิยมใช้และรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น PKZip, Winzip เป็นต้น และแม้ในตัว Windows XP เองก็มีความสามารถในการบีบอัดไฟล์ระดับหนึ่งอยู่แล้ว เรียกว่าเป็น Compressed Folder </span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">6. ซอฟต์แวร์กลุ่มการใช้งานด้านธุรกิจประเภท Word Processing ที่นักศึกษารู้จักมีอะไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ 3 โปรแกรม</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ - Microsoft Word</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;"> - Sun Star Office Writer</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;"> - Microsoft Office</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">7. ซอฟต์แวร์แบบกลุ่ม (Software Suite) คืออะไร</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ เป็นซอฟต์แวร์ที่นำเอาคุณสมบัติต่าง ๆของโปรแกรมแต่ละตัวมาอยู่ในกลุ่มเดียวกันแล้วทำการจำหน่ายรวมทีเดียวซอฟต์แวร์ที่เรารู้จักกันดี เช่น Microsoft Office ข้อดีของการจัดทำซอฟต์แวร์แบบนี้ก็คือทำให้การใช้งานมีความง่ายและคล่องตัวมากขึ้นอีกทั้งยังทำให้มีราคาถูกลงกว่าการเลือกซื้อซอฟต์แวร์แต่ละตัวมาใช้</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">8. นางสาวศิริพรต้องการทำรายงานการรับจ่ายเงินในแต่ละวันอย่างง่ายควรใช้โปรแกรมประเภทใด </span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ. โปรแกรมประเภทตารางคำนวณในการคำนวณทั่วไปแล้วโปรแกรมตารางคำนวณ ยังมีความสามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูล เช่นการหาผลรวม การหาค่าที่สูงสุด การหาค่าที่ต่ำสุด รวมถึงการกรอกข้อมูลเฉพาะที่สนใจ และยังสามารถนำเอาข้อมูล ที่มีอยู่มาสร้างเป็นกราฟเพื่อให้บริหารสามารถมองเห็นภาพของข้อมูล ได้ชัดเจนขึ้น</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">9. Internet Relay Chat คืออะไร แตกต่างต่าง Instant Messaging อย่างไรบ้าง</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ Internet Relay Chat</span><br />
<span style="color: orange;">- โปรแกรมสำหรับการสนทนาเฉพาะกลุ่ม</span><br />
<span style="color: orange;">- เรียกสั้นๆว่าโปรแกรม แชท (chat)</span><br />
<span style="color: orange;">- ติดต่อกันโดยพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมา</span><br />
<span style="color: orange;">- ผู้สนทนาสามารถตั้งห้องและพูดคุยกันในแชทรูม (chat room) ได้</span><br />
<span style="color: orange;">- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น PIRCH, MIRC Instant Messaging</span><br />
<span style="color: orange;">- ผู้รับและผู้ส่งสามารถที่จะเปิดการเชื่อมต่อโปรแกรมและส่งข้อความถึงกันได้โดยทันทีผ่านเบอร์อีเมล์หรือหมายเลขที่ระบุ</span><br />
<span style="color: orange;">- การพูดคุยผ่านข้อความนี้จะเป็นแบบส่วนตัวมากขึ้น</span><br />
<span style="color: orange;">- บางโปรแกรมอาจสนทนาแบบกลุ่มได้ด้วย</span><br />
<span style="color: orange;">- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น ICQ , MSN Messenger, Yahoo Messenger</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">10. โปรแกรมประเภทการนำเสนองาน เหมาะสมกับกลุ่มคนประเภทใด จงให้เหตุผลประกอบ</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ เหมาะกับกลุ่มคนที่ใช้งานทางด้านธุรกิจ (Business) เพราะโปรแกรมประเภทการนำเสนองานจะเน้นการใช้งานทางด้านธุรกิจโดยเฉพาะโดยมุ่งหวังให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าการใช้แรงงานคน</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">11. ในการเรียกค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โปรแกรมใดที่นิยมเอาใช้มากที่สุดและมีคุณสมบัติเด่นๆอะไรบ้าง</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ โปรแกรม Microsoft Internet Explorer</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">12. จงยกตัวอย่าง web application ที่นักศึกษารู้จักหรือใช้บริการอยู่ในปัจจุบันมาอย่างน้อย 3 รายการพร้อมทั้งอธิบายหลักการทำงานด้วย</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ <a href="http://www.google.co.th/"><span style="color: orange;">www.google.co.th</span></a></span></div>
<div>
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">ขั้นตอนที่ 1 </span><br />
<span style="color: orange;">ทาง google จะส่งเจ้าโปรแกรมที่ชื่อสไปเดอร์ (spider หรืออีกชื่อคือ web crawler) ซึ่งเป็นโรบอต (robot) สรุปแล้วมันก็โปรแกรมตัวเดียวกันใช่ไหมครับแต่มีชื่อเรียกหลายชื่อ สไปเดอร์จะถูกส่งไปตามเว็บไซต์ โดยวิ่งไปตามลิงค์ต่าง ๆ ของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง และเมื่อครบระยะเวลาหนึ่ง สไปเดอร์จะทำการประมวลผล เพื่อจัดลำดับในการแสดงผลโดยใช้ระบบเฉพาะของทางกูเกิลเอง ซึ่งระบบจัดอันดับความเกี่ยวข้องของเว็บเพจแต่ละหน้าของกูเกิลเรียกว่า "เพจแรงก์" (PageRank</span><br />
<span style="color: orange;">ขั้นตอนที่ 2 </span><br />
<span style="color: orange;">• เทคโนโลยี PageRank: PageRank จะดำเนินการวัดความสำคัญของหน้าเว็บนั้นอย่างยุติธรรม โดยแก้ไขสมการที่มีตัวแปรกว่า 500 ล้านค่า และคำอีก 2 พันล้านคำ แทนที่จะนับลิงก์โดยตรง PageRank จะแปลลิงก์จากหน้า A ไปยังหน้า B เป็นการลงคะแนนให้กับหน้า B โดยหน้า A จากนั้น PageRank จะประเมินความสำคัญของหน้าเว็บตามจำนวนการลงคะแนนที่ได้รับ</span><br />
<span style="color: orange;">นอกจากนี้ PageRank ยังพิจารณาความสำคัญของแต่ละหน้าที่มีการลงคะแนน เนื่องจากหน้าเว็บบางหน้าอาจมีค่ามากกว่า ทำให้หน้าที่เชื่อมโยงไปมีค่ามากว่า หน้าเว็บที่สำคัญจะได้รับ PageRank สูง และปรากฏด้านบนของผลลัพธ์การค้นหา เทคโนโลยีของ Google จะใช้ข้อมูลสะสมของเว็บเพื่อพิจารณาความสำคัญของหน้านั้นๆ ผลลัพธ์นี้จะไม่มีการดำเนินการหรือจัดการโดยบุคคล ทำให้ผู้ใช้เชื่อมั่นใน Google ว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และไม่ถูกบิดเบือนด้วยการจัดวางตำแหน่งที่มีการชำระเงิน</span><br />
<span style="color: orange;">• การวิเคราะห์จับคู่ไฮเปอร์เท็กซ์:เครื่องมือค้นหาของ Google ยังวิเคราะห์เนื้อหาของหน้าเว็บ แต่แทนที่จะสแกนข้อความในหน้าเว็บ (ซึ่งอาจมีการจัดการโดยผู้เผยแพร่เว็บไซต์ผ่านทาง meta-tag) เทคโนโลยีของ Google จะวิเคราะห์เนื้อหาทั้งหมดและพิจารณาแบบอักษร การแบ่ง และตำแหน่งของแต่ละคำ นอกจากนี้ Google ยังวิเคราะห์เนื้อหาของหน้าเว็บใกล้เคียงเพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่แสดงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการค้นหาของผู้ใช้มากที่สุด</span><br />
<span style="color: orange;">ขั้นตอนที่ 3</span><br />
<span style="color: orange;">Google Web server ทำการจัดเก็บไฟล์ช้อมูลที่ผ่านการคัดสรรแล้ว</span><br />
<span style="color: orange;">ขั้นตอนที่ 4 Index server ทำดัชนีเพื่อการค้นคืนที่รวดเร็วแก่ผู้ใช้ </span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<a href="http://www.facebook.com/"><span style="color: orange;">www.facebook.com</span></a><br />
<span style="color: orange;">Facebook ก็คือ Soical Networking เว็บไซต์หนึ่งที่มีผู้นิยมใช้งานกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพียงแค่เราสมัครเป็นสมาชิกกับ Facebook เราก็จะสามารถแบ่งปันข้อมูล รูปภาพ ความรู้สึกผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ Facebook ได้ และที่สำคัญมากที่เป็นจุดประสงค์หลักของ Facebook ก็คือ การหาเพื่อนเก่าผ่านทาง Facebook และสามารถหาเพื่อนใหม่ๆ ได้จากทุกมุมโลกเช่นกัน? แต่ดูเหมือนว่า Facebook จะมีหลักการเช่นเดียวกันการบันทึกลง "หนังสือรุ่น" นั่นเอง แต่แน่นอน เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ Facebook จึงทำอะไรๆ ได้มากมายก็ หนังสือรุ่นธรรมดา.. </span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<a href="http://www.twitter.com/"><span style="color: orange;">www.Twitter.com</span></a><br />
<span style="color: orange;">เป็นบริการส่งข้อความเป็นประโยคสั้นๆ ที่คุณส่งไปนั้นจะเป็นการบอกว่า คุณ กำลังทำอะไรอยู่? ในตอนนั้น เพื่อเป็นบันทึก ณ. ช่วงเวลานั้นว่าคุณทำอะไรอยู่ ลงไปในเว็บไซต์ของ Twitter.com เช่น "กำลังจะกินข้าว" "กำลังจะออกจากบ้าน" เป็นต้น และเมื่อคุณส่งประโยคสั้นๆ ไปเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่คุณมีเวลา และสามารถทำได้ เมื่อกลับมาอ่านมัน ข้อความทั้งหมด มันจะก็จะสามารถประติดประต่อ บอกเรื่องราวว่าคุณทำอะไรไปบ้างช่วงวันหนึ่งๆ ซึ่งจะสะดวกกว่าการ มานั่งหลังคดหลังแข็งมานั่งเขียนบล็อก ทั้งวัน นี้แหละที่ Twitter.com เลยเข้ามาทดแทนและช่วยให้คนไม่ชอบเขียน บล็อก หันมาใช้บริการพวกนี้เยอะมากขึ้น</span></div>
<div>
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">13. ผู้ที่ทำงานด้านออกแบบและจัดการ website เช่น webmaster ควรจะเลือกใช้โปรแกรมอะไรบ้างเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนในการทำงาน</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ โปรแกรม Macromedia Dream weaver</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">14. ซอฟต์แวร์ประเภท Open Source คืออะไร</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ เป็นซอฟต์แวร์ที่มีการเปิดให้แก้ไขปรับปรุงตัวโปรแกรมต่าง ๆ ได้เองและยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ด้วยเรียกซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ว่าโอเพ่นซอร์ส ผู้ใช้งานสามารถที่จะนำเอาโค้ดต่าง ๆไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดหรือระบุไว้ของผู้ผลิตดั่งเดิม</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">15. ภาษาระดับสูงมาก หรือ very-high level language มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 เป็นการเขียนโดยอาศัยหลักการแบบที่ไม่เป็นลำดับขั้นตอนที่แน่นอนอาจใช้เพียงแค่การหยิบและวางปุ่มคำสั่งบางอันลงไปโดยที่ผู้เขียนโปรแกรมจะรู้เพียงแค่ว่าจะให้คอมพิวเตอร์ทำอะไรบ้างเท่านั้นไม่จำเป็นต้องทราบว่ามันจะทำได้อย่างไร เพราะเป็นหน้าที่ของภาษาระดับสูงมากผู้ที่เขียนโปรแกรมสามารถเขียนได้ง่ายขึ้นได้ใช้เพียงไม่กี่คำสั่งเพื่อคอยควบคุมเท่านั้น เพราะคำสั่งหรือรูปแบบหลัก ๆ จะถูกสร้างมาเลยทันทีเมื่อเขียนแล้วจะได้รูปแบบโปรแกรมที่มีความสมบูรณ์และสวยงามมากยิ่งขึ้น</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;">16. จงยกตัวอย่างของการนำเอาภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 ไปใช้งาน มาอย่างน้อย 2 ตัวอย่างพร้อมทั้งอธิบายประกอบ</span><br />
<span style="color: orange;">ตอบ. ในยุคนี้เป็นการใช้ภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์มากขึ้นไปอีกหรือเรียกว่าภาษาธรรมชาติจะทำงานโดยอาศัยระบบฐานความรู้ เพื่อช่วยในการแปลความหมายของคำสั่งต่าง ๆและทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและจดจำโครงสร้างไว้นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับสาขาปัญญาประดิษฐ์ เช่นการพัฒนาความรู้และการจำในหุ่นยนต์ การสั่งงานโปรแกรมด้วยเสียง เพิ่มความสามารถ และ สะดวกสบายยิ่งขึ้น</span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;"><br /></span><br />
<span style="color: orange;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย </span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ</span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)</span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี </span><br style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;" /><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. )</span></span>
<br />
<br />
<br /></div>
</div>
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-35662499135351632472012-06-26T01:25:00.001-07:002012-06-26T20:58:01.950-07:00<h2>
<span style="font-size: large;"><span style="color: orange;"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">บทที่ 2 </span></span><span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์</span></span></h2>
<div>
<span style="background-color: white; color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: small;">สรุป</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงานเอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผล( word processing ) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน การทำงานร่วมกัน<br /><br /> องค์ประกอบ 4 อย่างด้วยกัน คือ</span><br />
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> 1.) ฮาร์ดแวร์ (hardware)<br /> 2.) ซอฟต์แวร์(software)<br /> 3.) บุคลากร (peepleware)<br /> 4.) ข้อมูล (data)<br /><br /> ซึ่งองค์ประกอบแต่ละอย่างล้วนมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกันทั้นสิ้น หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง การทำงานจะไม่มีความสมบูรณ์เต็มที่การทำงานของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ให้ประมวลผลหน่วยความจำหลักทำหน้าที่เก็บข้อมูลและคำสั่งประมวลผล<br />หน่วยผลความจำสำรองจะใช้เป็นที่เก็บและ บันทึกข้อมุลไว้ในคอมพิวเตอร์เพื่อสามารถเลือกใช้ภายหลังได้ และมีทิศทางของระบบการทำงานเป็นเหมือนเส้นทางส่งผ่านข้อมูลระหว่างซีพียูและหน่วยความจำให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ทำให้งานมีคุณภาพ รวดเร็วถูกต้อง สะดวกและแม่นยำ เป็นการผ่อนแรงมนุษย์ได้เป็นอย่างมาก</span><br />
<h2>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: small;">แบบฝึกหัดบทที่ 2 </span></h2>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>1.ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย</b><br /><b>ตอบ.</b> <b>ฮาร์ดแวร์ (Hardware)</b> หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นโครงร่างสามารถมองเห็นด้วยตาและสัมผัสได้ (รูปธรรม)</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">เช่น จอภาพ คีย์บอร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ตามลักษณะการทำงาน ได้ 4 หน่วย คือ</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- หน่วยแสดงผล (Output Unit) </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage) โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันออกไป<br /><b> ซอฟต์แวร์ (Software)</b> หมายถึง ส่วนที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้โดยตรง (นามธรรม) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์เราก็ไม่สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้เลย</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ซอฟต์แวร์สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">1. ซอฟต์แวร์สำหรับระบบ (System Software) </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) <br /><br /><b>2. หน่วยงานที่ชื่อ SIPA ถูกจัดตั้งโดยกระทรวงใด มีบทบาทและหน้าที่อย่างไรบ้างในวงการซอฟต์แวร์ไทย </b><br /><b>ตอบ.</b> สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอพต์แวร์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีบทบาทส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศไทยลดการนำเข้าจากต่างประเทศรวมถึงการพัฒนาการส่งออกและนำรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่งด้วย<br /><br /><b>3.นักวิเคราะห์ระบบกับผู้ใช้งานมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ</b><br /><b>ตอบ.</b> นักวิเคราะห์ระบบทำหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบสำหรับใช้งานบางอย่างตามที่ผู้ใช้ต้องการโดยจำเป็นต้องมีการศึกษาสำรวจความต้องการโดยรวมของผู้ใช้โดยตรง เพื่อนำเอามาเป็นแนวทางในการออกแบบระบบเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายและสามารถใช้งานได้โดยมีข้อจำกัดน้อยที่สุด โดยผู้ใช้เองอาจมีส่วนร่วมในการให้ความร่วมแสดงความคิดเห็น ข้อมูลย้อนกลับหรือรูปแบบงานที่ต้องการให้กับผู้ออกแบบระบบ เช่น ต้องการให้วางหรือออกแบบระบบบัญชีเพื่อใช้ในสำนักงานนั้นโดยเฉพาะ ผู้ใช้จำเป็นต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเบิกรับจ่ายสินค้า การบันทึกสินค้าคงเหลือ การแยกประเภทบัญชีให้กับผู้ออกแบบระบบเพื่อเป็นแนวทางในการวางระบบที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นต้น <br /><br /><b>4.ช่างเทคนิค มีหน้าที่และบทบาทอย่างไรกับงานทางด้านคอมพิวเตอร์ </b><br /><b>ตอบ.</b> มีหน้าที่หลักคือ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบในหน่วยงานให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ กลุ่มคนประเภทนี้ต้องมีทักษะและประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้เป็นอย่างดี</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>5. Software Engineer เกี่ยวข้องอย่างไรกับกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์</b><br /><b>ตอบ.</b> เป็นบุคคลในสายงานอาชีพทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์และตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นอย่างมีแผนโดยอาศัยหลักการทางด้านวิศวกรรมศาสตร์เข้ามาช่วย เช่น วัดค่าความซับซ้อนของซอฟต์แวร์ที่ผลิตขึ้นมาตรวจสอบว่า การเขียนโปรแกรมนั้นถูกต้องตามหลักหรือไม่ เป็นกลุ่มคนที่มีทักษะและความเข้าใจในการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นอย่างดี สามารถเขียนโปรแกรมได้หลายๆ ภาษา บุคคลเหล่านี้สามารถผลิตซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>6.การดูแลและบริหารระบบเครือข่าย เกี่ยวข้องกับบุคคลตำแหน่งใดมากที่สุด </b><br /><b>ตอบ.</b> เป็นลักษณะงานที่เกี่ยวกับบุคคลในตำแหน่งที่เรียกว่า ผู้ดูแลเน็ตเวิร์ก มากที่สุด โดยจะต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่ายให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น มีการติดตั้งระบบของเครือข่ายที่รัดกุมสร้างระบบป้องกันการบุกรุกของผู้ที่ไม่ประสงค์ดีได้เป็นอย่างดี</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>7. binary digit คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์</b><br /><b>ตอบ.</b> เป็นเลขฐานสองที่ประกอบตัวเลขเพียง 2 ตัวเท่านั้นคือ 0 กับ 1 ซึ่งโดยปกติข้อมูลที่จะนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ได้นั้น จะต้องมีการแปลงรูปแบบหรือสถานะให้คอมพิวเตอร์เข้าใจเสียก่อนจึงสามารถ<br />เอามาใช้งานในการประมวลผลเลขต่าง ๆ ได้ซึ่งโดยปกติจะเรียกว่า สถานะแบบดิจิตอล</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ซึ่งมี 2 ลักษณะเท่านั้นคือ เปิด (1) ปิด (2)</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>8.กระบวนการแปลงข้อมูลปกติให้เป็นเลขฐานสองทางคอมพิวเตอร์ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</b><br /><b>ตอบ.</b> เริ่มจากข้อมูลตัวอักษรจะถูกป้อนเข้าไปยังระบบผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลเช่น คีย์บอร์ดจากนั้นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ของตัวอักษรดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังระบบการทำงาน ของคอมพิวเตอร์เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปรหัสมาตรฐานที่เข้าใจตรงกัน และนำเก็บไว้ในหน่วยความจำเพื่อรอการประมวลผลและแปลงกลับออกมาให้อยู่ในรูปแบบของภาพที่สามารถมองเห็นได้ผ่านจอภาพ</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /></span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>9. การนำเข้าข้อมูลสู่คอมพิวเตอร์ สามารถทำได้โดยวิธีใดบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ</b><br /><b>ตอบ.</b> สามารถนำเข้าข้อมูลได้ 2 วิธีด้วยกันคือ<br />- ผ่านอุปกรณ์นำเข้า (input device) ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับนำข้อมูลเข้าไปยังคอมพิวเตอร์โดยตรงผ่านอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลหลายชนิด ขึ้นอยู่กับรูปแบบของข้อมูลด้วยว่าเป็นแบบใดและสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ เหล่านั้นได้หรือไม่ ที่รู้จักกันดี เช่น คีย์บอร์ด สแกนเนอร์ไมโครโฟนเป็นต้น <br />- ใช้สื่อเก็บบันทึกข้อมูลสำรอง (secondary storage) การนำเข้าด้วยวิธีนี้อาจดึงเอาข้อมูลที่มีการบันทึกหรือเก็บไว้ก่อนหน้านั้นแล้วจากสื่อบันทึกอย่าง ใดอย่างหนึ่งมาใช้ได้ สื่อบันทึกข้อมูลแบบนี้เรียกว่า สื่อบันทึกข้อมูลสำรอง เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสเก็ตต์ ซีดี ดีวีดี แฟร์ตไดร์ เป็นต้น</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b><br />10.พื้นฐานการทำงานของคอมพิวเตอร์ ส่วนใดที่ถือว่าเป็นเหมือนกับ”สมอง”และประกอบด้วยส่วนที่เกี่ยว<br />ข้องอะไรบ้าง</b><br /><b>ตอบ.</b> CPU หรือ หน่วยประมวลผลกลางเปรียบเหมือนกับ"สมอง"ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการประมวลผลคำสั่งที่ได้รับมาว่าจะให้ทำอะไรบ้าง ประกอบด้วยหน่วยสำหรับการทำงานแบ่งออกเป็นส่วน ๆ คือ<br />- หน่วยควบคุม ( Control Unit ) <br />- หน่วยคำนวณตรรกะ ( Arithmetic Unit) </span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">- ริจิสเตอร์ ( Register )</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>11. ROM และ RAM เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร</b><br /><b>ตอบ.</b> ถือว่าเป็นหน่วยความจำเหมือนกัน แต่ ROM เป็นหน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถเขียนหรือบันทึกเพิ่มเติมได้ โดยปกติจะเป็นการเก็บคำสั่งที่ใช้บ่อยและเป็นคำสั่งเฉพาะ มีอยู่กับเครื่องอย่างถาวรแม้ไฟจะดับก็ไม่สามารถทำให้คำสั่งต่างๆ หายไปได้ ส่วน RAM เป็นหน่วยความจำอีกแบบหนึ่งแต่เมื่อไฟดับหรือปิดเครื่องข้อมูลต่างๆจะถูกลบเลือนหายไปหมด นิยมใช้สำหรับจดจำคำสั่งในระหว่างที่ระบบกำลังอยู่เพียงเท่านั้น สามาเปลี่ยนแปลงแก้ไข้ได้ตลอดเวลา</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>12. machine cycle คืออะไร และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง จงอธิบาย</b><br /><b>ตอบ.</b> เป็นวงรอบหนึ่ง ๆ ในการทำงานของ CPU จะเกี่ยวข้องกับการประมวลผลหลัก ๆ โดยการอ่านและดึงข้อมูลมาจากหน่วยความจำหลัก เพื่อเก็บข้อมูลเข้าสู้รีจิตเตอร์ในส่วนที่เก็บชุดคำสั่งและตำแหน่งสำหรับประมวลผลจากนั้นจะมีการแปลความหมายของชุดคำสั่งว่าจะให้ทำอะไรบ้าง และนำไปทำงานตามที่ได้รับนั้นและเก็บผลลัพธ์ที่ได้เพื่อให้ส่ววนอื่น ๆ เรียกต่อไป โดยจะมีการวนอ่านเพื่อประมวลผลแบบนี้วนช้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบโปรแกรมหรือชุดคำสั่งมนการทำงานทั้งหมด</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><br /><b>13.ขั้นตอนช่วง E-Time ประกอบด้วยขั้นตอนอะไรบ้าง</b></span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b>ตอบ.</b> Exectution Time หรือเวลาปฎิบัติการ เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในวงรอบการทำงานของ CPU</span></div>
<div>
<span style="color: orange; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;">ประกอบด้วยขั้นตอนของการปฎิบัติการ (Execute) และขั้นตอนการเก็บผลลัพธ์ (Store) <br /><br /><br />โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย <br />คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ<br />สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)<br />วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี <br />กลุ่มเรียน วันพุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. ) </span></div>
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8039215609961439420.post-84719655421937721792012-06-19T00:33:00.000-07:002012-06-26T20:57:53.529-07:00แบบฝึกหัดบทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์<span style="background-color: white; color: #e69138;"><b>สรุปท้ายบท</b><br /><br /> คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์อื่นที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยปฏิบัติงานภายใต้การควบคุมของชุดคำสั่งที่อยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์เอง เพื่อทำการคำนวณและแสดงผลลัพธ์ออกทางอุปกรณ์แสดงผล โดยที่ผลลัพธ์เหล่านี้จัดว่าเป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลและเรียบเรียงแล้ว จะเรียกผลลัพธ์นี้ว่า "สารสนเทศ"<br /> <br /> คอมพิวเตอร์มีบทบาทอย่างกว้างขวางในทุกวงการ และเทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการทำงานทุกด้าน นับตั้งแต่ทางด้านการศึกษา พาณิชยกรรม เกษตรกรรม อุตสาหกรรม สาธารณสุข การวิจัยและพัฒนา ตลอดจนด้านการเมืองและราชการ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น<br /><br /><br /><b> แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 1</b><br /><b>1.ลักษณะเด่นของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย</b><br /><b>ตอบ.</b> ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยคุณสมบัติพื้นฐานดังนี้<br /> - ความเป็นอัตโนมัติ - ความเร็ว<br /> - ความถูกต้อง แม่นยำ<br /> - ความน่าเชื่อถือ<br /> - การจัดเก็บข้อมูล<br /> - ทำงานซ้ำๆได้<br /> - การติดต่อสื่อสาร</span><br />
<div>
<span style="background-color: white; color: #e69138;"><br /><br /><b>2.เครื่อง SUAN-PAN เกี่ยวข้องกับประวัติของคอมพิวเตอร์ อย่างไร จงอธิบาย</b><br /><b>ตอบ.</b> SUAN-PAN เป็นอุปกรณ์ประเภทลูกคิดที่เอามาใช้สำหรับคำนวณของชาวจีนในสมัยก่อนเพื่อช่วยในการคิดหาผลลัพธ์ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันในยุคปัจจุบัน<br /><br /><br /><b>3.แท่งคำนวณของเนเปียร์ สร้างขึ้นมาโดยใคร และมีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง</b><br /><b>ตอบ.</b> สร้างขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวสก๊อตชื่อว่า จอห์น เนเปียร์ มีลักษณะเป็นแท่งไม้ตีเส้นตารางเพื่อเอาไว้คำนวณหาผลลัพธ์<br /><br /><br /><b>4.ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "บิดาของคอมพิวเตอร์" คือใคร และเหตุใดจึงได้รับการยกย่องเช่นนั้น</b><br /><b>ตอบ.</b>"ชาร์ลส แบบเบจ" เนื่องจากเขาเป็นผู้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างเครื่องจักรกลให้สามารถ ทำงานตามคำสั่งได้โดยไม่ต้องมานั่งคำนวณหาผลลัพธ์ใหม่อีกครั้ง<br /><br /><br /><b>5.เครื่องคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลเครื่องแรกของโลกคือเครื่องใด และจงอธิบายว่าสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลใด<br />ตอบ. </b>ENIAC ถือว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลเครื่องแรกของโลก สร้างขึ้นเพื่อการช่วยคำนวณวิถีกระสุนปืนใหญ่ของกองทัพสหรัฐอเมริกาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2<br /><br /><br /><b>6. John Von Neumann มีบทบาทอย่างไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคอมพิวเตอร์<br />ตอบ.</b> เขาเป็นผู้เสนอแนวคิดและเผยแพร่ให้มีการพัฒนาเครื่องที่สามารถเก็บข้อมูลเละชุดคำสั่งไว้ภายใน <br />ได้เอง โดยไม่ต้องมาคอยป้อนข้อมูลเข้าไปใหม่ทุกครั้งซึ่งมันจะทำให้เสียเวลาในการทำงานอย่าง มาก<br /><br /><br /><b>7.เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ใช้ในเชิงธุรกิจ คือเครื่องใด และนำมาใช้กับงานด้านใด<br />ตอบ.</b> UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นำเอามาใช้ในเชิงธุรกิจเครื่องแรก ใช้ในการทำนายผลการ<br />เลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา<br /><br /><br /><b>8.ทรายซิสเตอร์กับแผงวงจรรวม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง จงอธิบาย<br />ตอบ. </b>ทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อทดแทนการทำงานของหลอดสูญญากาศ โดยมีขนาดเล็กกว่าหลอดสูญญากาศ และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่เนื่องจากการทำงานที่ซับซ้อนและ<br />ต้องการประมวณผลที่เร็วขึ้น จึงทำให้ทรานซิสเตอร์ถูกพัฒนามาเป็น แผงวงจรรวม โดยมีความ<br />สามารถที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นการนำเอาทรานซิสเตอร์จำนวนนับพันตัวมารวมกันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว<br />และมีขนาดเล็กลงจึงทำให้ลดต้นทุนในการผลิตลงไปได้มากและเครื่องที่ผลิตได้มีขนาดเล็กลงมาก<br /><br /><br /><b>9.E-Government คืออะไร จงอธิิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ<br />ตอบ.</b> Electronic government หรือรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นโครงการที่นำเอาระบบเทคโนโลยีสารสน<br />เทศอันทันสมัยมาให้บริการประชาชน ประชาชนชนทั่วไปสามารถใช้บริการต่างๆของภาครัฐบาล<br />ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การยื่นเสียภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ต ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์<br />ที่เชื่อมโยงเข้าถึงกันหมดทั่วประเทศ ฯลฯ <br /><br /><br /><b>10.สายการบินต้นทุนต่ำ (low cost airline) และมีการลดต้นทุนโดนนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยได้อย่างไร<br />ตอบ.</b> เป็นสายการบินรูปแบบหนึ่งที่เน้นการลดต้นทุนในการจัดการและบริหารงานให้น้อยที่สุดเพื่อให้ สามารถแข่งขันกันในเรื่องราคาตั๋วโดยสารให้มีราคาที่ถูกลง จึงทำให้มีคนนิยมใช้บริการจำนวนมาก โดยนำเอาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอันทันสมัยมาช่วยในเรื่องของการรับจองการเดินทาง โดยผ่านช่องทางหลายๆ ช่องทาง เช่น โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องออกตั๋วเป็นใบๆให้กับลูกค้า เพียงแค่แสดงบัตรใดๆที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ก็สามารถเดินทางได้ทันที<br /><br /><br /><b>11.ลักษณะเด่นของสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือ CAI คืออะไร แตกต่างอย่างไรกับสื่อการสอนในอคีต<br />ตอบ. </b>Computer Assiste Instruction เป็นสื่อการสอนรูปแบบใหม่ที่นำเอาความสามารถของคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอื่นๆมาสร้างให้อยู่ในรูปแบบของสื่อมัลติมีเดียที่ประกอบด้วย รูปภาพ บทบรรยาย เสียงพูดและเทคนิคการนำเสนอต่างๆ ให้มีความน่าสนใจและก่อให้เกิดการอยากเรียนมากขึ้นถ้าหากเรียนแล้วไม่เข้าใจก็สามารถเรียนหรือฝึกฝนทบทวนซ้ำเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งสื่อแบบเดิม ไม่สามารถทำได้<br /><br /><br /><b>12.รูปแบบของ E-banking สามารถ ทำได้ผ่านช่องทางอะไรบ้างยกตัวอย่างมาประกอบอย่างน้อย 3 ช่องทาง<br />ตอบ. </b>ธนาคารทางอิเล็กทรอนิกส์ที่พบเห็นในปัจจุบัน สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงินได้หลายช่องทาง เช่น </span></div>
<div>
<span style="background-color: white; color: #e69138;"> - ผ่านเครือข่ายอินเตอร์การเข้าไปใช้ระบบ จะมีรายชื่อผู้ใช้( User name ) และรหัสผ่าน ( Pass Word ) ที่ให้เข้าไปทำธรุกรรมได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว บริการดังกล่าวครอบคลุมการทำธรุกรรมคล้ายกับระบบอื่น เช่น การโอนเงิน การสอบถามยอดเงินคงเหลือ ฯลฯ<br /> - ผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติผู้ใช้เพียงกดหมายเลขโทรศัพท์อัตโนมัติที่ธนาคารระบุไว้ในการติดต่อทำธุระกรรมก็สามารถเลือกทำรายการทางการเงินต่างๆ ได้เช่น การโอนเงิน การเติมเงินมือถือฯลฯ - ผู้ตู้ ATMผู้ใช้บริการสามารถเลือกทำรายการธุรกรรมต่างๆ ผ่านตู้ATMที่มีให้บริการของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ได้ทั่วประเ้ทศ ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงินสด ฝากเงิน โอนเงิน และการชำระค่าบริการต่างๆ ได้ซึ่งเปิดให้บริการ 24 ช.ม.<br /><br /><br /><b>13.เครื่องคอมพิวเตอร์มือถือ (Handheld Computer) นำไปใช้ประโยชน์ในด้านใด และมีความแตกต่างกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) อย่างไรบ้าง จงอธิบายประกอบ<br />ตอบ. </b>คอมพิวเตอร์แบบมือถือ เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับนำไปใช้งานกิจ<br /> กรรมส่วนบุคคล เช่น บันทึกการนัดหมาย หรือการใช้ติดต่อทางธุรกิจ เช่น รับ-ส่งอีเมล์ ตรวจสอบ<br /> ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหุ้น เป็นต้น แตกต่างจากไมโครคอมพิวเตอร์ืทั่วไป คือ มีขนาดที่เล็กลงและ<br /> พกพาติดตัวได้สะดวกกว่า โปรแกรมที่ใช้ในไมโครคอมพิวเตอร์อาจนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์มือถือ<br /> ได้เช่นกัน แต่อาจตัดทอนคุรสมบัติบางอย่างลงไปบ้างเล็กน้อย <br /><br /><br /><b>14.แท็บเล็ตพีซี (Tablet PC) มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง จงอธิบายมาพอเข้าใจ<br />ตอบ. </b>เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใหม่ที่สามารถป้อนข้อมูลเข้าไปได้โดยการเขียนบนจอภาพเสมือนกับ การเขียนลงบนกระดาษ หน้าจอสามารถพลิกไปมาได้ 2 ลักษณะคือเหมือนกับการใช้งานคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คทั่วไปหรือพับแบบกระดาษรองเขียนหนังสือ ซึ่ง เครื่องนี้มีราคาแพงกว่าคอมพิวเตอร์อื่นๆมาก<br /> <br /><br /><b>15. PDA Phone คืออะไร จงอธิบายมาพอเข้าใจ<br />ตอบ. </b>PDA Phone เป็นคืออุปกรณ์ที่รวมเอาความสามารถของ PDA อย่าง Palm หรือ Pocket PC มาผสมผสานกับความสามารถทางด้านการติดต่อสื่อสารอย่างโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สะดวกทั้งในด้านประโยชน์ใช้สอย, การพกพา หรือแม้กระทั่งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายได้ทุกที่ทุกเวลา ในช่วงก่อนที่อุปกรณ์ประเภท PDA Phone จะถือกำเนิดขึ้นมานั้น ผู้ใช้งานกลุ่มนี้จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ทั้งสองตัวคือ PDA และโทรศัพท์มือถือร่วมกันเพื่อให้การทำงานในเชิง Online นั้นเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อมี PDA Phone แล้ว ผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องจับอุปกรณ์สองตัวมาเชื่อมต่อกันอีกต่อไป นอกจากนี้ PDA Phone รุ่นใหม่ๆที่กำลังเดินหน้าออกสู่ตลาดอย่างไม่ขาดสายก็ยังรวมเอาความสามารถทางด้านการเชื่อมต่อแบบไร้สายอย่าง Bluetooth หรือ Wireless LAN (Wi-Fi) รวมเข้าไว้ในตัวเครื่องอีกด้วย จึงทำให้การทำงานสะดวกขึ้นอีกหลายอย่าง<br /><br /><br /><b>16.ภาษาธรรมชาติ (natural language) คืออะไร สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านใดบ้าง<br />ตอบ. </b>เป็นระบบที่คอมพิวเตอร์ สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติของมนุษย์ได้เป็นอย่างดีเช่น รับรู้หรือจดจำเสียงมนุษย์ได้ เช่น ระบบที่เรียกว่า speech recognition ซึ่งสามารถแยกแยะเสียงสูงต่ำต่างๆ แล้ว<br /> เอาไปวิเคราะห์พร้อมทั่งสั่งการได้เองอัตโนมัติเป็นการช่วยเหลือการทำงานของมนุษย์ิ เช่น ป้อน<br /> ข้อมูลด้วยเสียงแทนการพิมพ์ข้อมูลผ่านคีย์บอร์ดเข้าไปตรงๆ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการทำงาน<br /> ของผู้ใช้ลงไปได้มาก เป็นต้น<br /><br /><br /><br />โดย นางสาว สุภัชชา แสนไทย <br />คณะ เทคโนโลยีการจัดจัดการ<br />สาขา การจัดการ โปรแกรมวิชา การจัดการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)<br />วิชา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี <br />กลุ่มเรียน พุธ เช้า ( 08.00-11.00 น. )</span></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/08990164222808841220noreply@blogger.com0